คาดปีนี้ กนง.อาจลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง


กรุงเทพฯ 4ก.พ. – บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินผลกระทบ โควิด – 19 กดดัน คาดกนง. ลดดอกเบี้ยปีนี้สู่ระดับร้อยละ 0 ด้าน GC ยอมรับมาร์จินหด แต่ปรับตัวลดต้นทุนแข่งขันได้พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่มใน EEC



นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าในปีนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งไปสู่ระดับร้อยละ 0 หลังจากวานนี้ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง


“ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจเริ่มเห็นชัด แม้รัฐบาลจะมีมาตรการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้แก่ประชาชนหลายช่องทางก็ตาม โดยหากวัคซีนเข้ามาล่าช้าหรือยังไม่สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดทั้งในไทยและทั่วโลกได้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจและกนง. คงจะต้องลดดอกเบี้ยอีกเพื่อพยุงเศรษฐกิจ”นายกรภัทร กล่าว


สำหรับทิศทางหุ้นไทยในช่วงนี้ไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ยังคงเป็นผลบวกที่คาดการณ์ ผลประกอบการไตรมาส 4/63 ของกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีที่น่าจะออกมาดี แต่หากมองมาถึงไตรมาส 1/64 กลุุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทั่วโลกรวมถึงไทย คุมเข้มและล็อกดาวน์

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด หรือ GC เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงนั้น แต่บริษัท ก็ยังเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ แม้มาร์จินจะอยู่ในระดับต่ำลงบ้าง แต่เบริษัทมีความสามารถในการบริการจัดการต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำจึงสามารถแข่งขันได้ และสามารถผลิตได้เต็มที่

สำหรับการลงทุน 3 โครงการลงทุนในในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) มูลค่ารวมประมาณ 1 แสนล้านบาทนั้น ได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไปแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (PO) และโครงการโพลีออลส์ (Polyols) เพื่อผลิต PO 2 แสนตันต่อปี และผลิตภัณฑ์โพลีออลส์ 1.3 แสนตันต่อปี ส่วนโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) เป็นการขยายกำลังการผลิตเอทิลีน 5 แสนตันต่อปี และโพรพิลีน 2.5 แสนตันต่อปี จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือน ก.พ.นี้


นอกจากนี้ บริษัท มีแผนที่จะขยายการลงทุนในอีอีซีเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในโครงการต่างๆ เบื้องต้น คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนในอีอีซี อีกประมาณ 3 – 5 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งล่าสุด ก็ได้ขยายโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 มูลค่าประมาณ 165 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5,198 ล้านบาท ก็ได้เริ่มออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ การก่อสร้าง (Engineering, Procurement & Construction) แล้ว โครงการนี้จะทำให้บริษัทสามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เป้าหมายจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1ปี 2566 . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น-ใต้ฝนลดลง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย

เคลื่อน 18 ศพเหยื่อบัสมรณะ ถึงบ้านเกิด ญาติร่ำไห้อาลัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย จากเหตุรถบัสพลิกคว่ำ ถึงวัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติที่รอรับศพ

สำรวจจุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ พบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมจอดพักรถและลงชื่อก่อนจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ทำให้รถเกิดเบรกแตกไหลลงเขาจนเกิดโศกนาฏกรรม

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า