กรุงเทพฯ 2 ธ.ค.- รัฐ-เอกชน มองเศรษฐกิจไทยปีหน้าดีขึ้นแต่ยังห่วงการจ้างงาน แนะทุกฝ่ายปรับโครงสร้างเพิ่ม การแข่งขัน โดยเฉพาะ นำ ดิจิทัล เข้ามาช่วย
วานนี้ (1 ธ.ค.)สมาคมนิสิตเก่าวิศวะจุฬาระดมสมองระดับชาติ จัดงานดินเนอร์ทอล์ค “เดินหน้าฝ่าวิกฤต พลิกเศรษฐกิจไทย” นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวว่า เศรษฐกิจ หรือ GDP ของไทยปี63 ถดถอยลดลงกว่าที่คาดการณ์เดิม เหลือถดถอย ร้อยละ6 และเชื่อว่าประเทศจะฟื้นฟูประมาณ 12-18 เดือนจากนี้ / และการที่S&P ก็ยังประเมินประเทศไทยว่ายังรักษาอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ ไว้ได้เหมือนเดิม ถือว่ามีเสถียรภาพ ประคับประคองประเทศไปได้ …ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศให้แข่งขันได้ คนที่สำคัญมากคือเอกชนไทย ส่วนรัฐบาลก็จะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอรับนักลงทุนที่จะมาลงทุน
“หลายภาคส่วนช่วยกัน อย่าง กลุ่ม ปตท. ก็ช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องการสร้างแรงงาน อย่างการอาสารับเด็กจบใหม่เข้าทำงาน ถือเป็นแรงอันสำคัญที่เป็นพลังช่วยให้ประเทศไทยฟื้นฟู – หรือโครงการของรัฐบาล อย่าง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง เป็นการช่วยเหลือของรัฐบาลในช่วงโควิดที่ประสบความสำเร็จ”
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ คาดว่า GDP ปีนี้ จะติดลบน้อยลง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของไทยเริ่มขยับได้ รวมถึงมาตรการภาครัฐ ทำให้ดีขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และปีหน้าคงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศก่อน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การจ้างงาน คนอาจจะว่างงานมากขึ้น ,ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อและเป็นปัญหาสังคม รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมาก ก็เป็นโจทย์ที่ต้องดูร่วมกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
“ ทุกวิกฤติ มีโอกาส ทำให้เราเห็นว่าประเทศไทยมีจุดแข็งอะไรบ้าง และเป็นโอกาสเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้นแล้ว เช่น medical tourism หรือภาพใหญ่ของอุตสาหกรรม ต้องปรับไปสู่การใช้เทคโนโลยี และดึงคนตัวเล็กให้ขึ้นมา ทำอาชีพ สร้างรายได้ได้ ซึ่งเราทุกคนต้องร่วมกัน Transform ประเทศไทยร่วมกัน” นายดนุชา กล่าว
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธารเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. มองว่าปีหน้าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่าต้องช่วยกัน ให้ผ่านไปให้ได้ เรื่องการจ้างงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าคนว่างงานมาก อาจจะทำให้ตามมาด้วยปัญหาสังคมอื่นๆ /ระยะสั้น ปตท. จึง เพิ่มปริมาณการจ้างงาน และเร่งลงทุน /ส่วนราคาน้ำมันปีหน้าน่าจะ 40 เหรียญกลางๆ ถึง 40 เหรียญปลายๆ เทรนด์พลังงานโลกจะ Go Green กับ Go Electric ซึ่ง ปตท.ก็ปรับพอร์ตลงทุนตามทิศทางนี้ทั้งตั้งเป้ามีพลังงานทดแทน8 พันเมกะวัตต์ และเดินหน้าธุรกิจแอลเอ็นจีครบวงจร พร้อมๆกับลงทุนธุรกิจใหม่ ด้านAI Robotic, life scienceมากขึ้น
คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าอยากฝากไว้ให้บริษัทใหญ่ลงทุนเยอะๆ เพราะถ้าโควิด-19ผ่านไป จะได้มีแรง แข่งขันกับภายนอกประเทศ และอยากให้ภาครัฐดูแลเรื่องการจ้างงานมากขึ้น ส่วนการลงทุนในอนาคต กัลฟ์จะลงทุน fossil fuel ลดลง/แต่ ลงทุนใน พลังงานทดแทนมากขึ้น และในแง่เอกชนก็ อยากเห็นรัฐบาลและ การเมืองที่มีเสถียรภาพ ส่วนตัวอยากให้แก้รัฐธรรมนูญและทบทวนแผนยุทธศาสตร์ชาติ20 ปีให้เหมาะสมเพราะต้องยอมรับโควิด-19 เปลี่ยนโลกไปมาก
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี กล่าวว่าเอสซีจี เดินหน้าความช่วยเหลือสังคมในเรื่องโควิด-19 โดยร่วมกับภาครัฐผลิตวัคซีน ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ให้ไทยรับถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทยในการร่วมผลิตพร้อมผลิตกลางปีหน้าส่วนทิศทางธุรกิจของ SCG คือจะปรับเรื่องดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาเต็มที่ ตลอด supply chain ก็จะเป็นโอกาส ให้เราปรับตัวให้ได้
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว ว่า ธุรกิจธนาคารในประเทศไทย ต้องปรับตัวมาก หลัง เทคโนโลยี เปลี่ยนแปลง และ ผลกระทบ โควิด-19 โดยตอนนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ต้องลงทุน แต่เป็นโจทย์ว่าต้องลงทุนอะไร และต้องคิดว่ารายใหญ่จะทำอย่างไรให้รายเล็กยืนอยู่ได้ด้วย เป็นพันธมิตรกัน อีกทั้งมองว่า ต้องใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสในการสร้างสิ่งใหม่ๆ พัฒนาสิ่งดีๆ เพิ่ม เช่ย mobile banking app ซึ่งที่ผ่านมาเกิดยาก แต่ช่วงนร้ จากมาาตรการรัฐมากระตุ้น เช่น “คนละครึ่ง “ “เราเที่ยวด้วยกัน” ก็ทำให้คนมาสนใจและใช้ประโยชน์มากขึ้น
สำหรับกิจกรรมสำคัญของ สมาคมนิสิตเก่าวิศวะจุฬา เช่น มูลนิธิส่งเสริมนวัตกรรมวิศวกรรม ส่งเสริมการสร้างงานวิจัยและพัฒนาใหม่ๆ เป็นองค์ความรู้สำคัญเพื่อการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน, โครงการ Intania for Southern Hospital ทีมีภาระกิจในการช่วยออกแบบและปรับปรุงโรงพยาบาลให้เป็นความดันลบและห้องปราศจากเชื้อสำหรับป้องกันโรคติดเชื้อ เป็นต้น -สำนักข่าวไทย