ดัชนีอุตฯขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6


กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – MPI ต.ค. ขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 0.45 คาดปีหน้า MPI และ GDP ภาคอุตฯ จะกลับมาขยายตัวเป็นบวก



นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI เดือนต.ค. 63 ขยายตัวร้อยละ 0.45 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สอดคล้องกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับปกติ ไม่นับรวมทองคำ โดยเฉพาะการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ไม่นับรวมน้ำตาล หลายตัวยังคงขยายตัวดี เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมยารักษาโรคที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน สภาพการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่ช่วยเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดย สศอ. ประมาณการเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมปีหรือ ปี 2564 คาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 4.0-5.0 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.0-5.0

“ภาคการผลิตอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อนเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านโครงการคนละครึ่ง โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการช้อปดีมีคืนเพื่อสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในประเทศช่วงสิ้นปี ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สศอ. ประมาณการเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมปี 2564 โดยคาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปี 2564 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0-5.0 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรมปี 2564 จะขยายตัวที่ร้อยละ 4.0-5.0” นายทองชัยกล่าว



ทั้งนี้ การควบคุมการระบาดที่ดีและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศจากมาตรการของภาครัฐที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งส่งผลในแง่บวกสะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมสำคัญอย่างอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันที่ขยายตัวร้อยละ 8.45 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่การผลิตกลับมาเพิ่มขึ้น โดยดัชนีผลผลิตหดตัวร้อยละ 2.24 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการหดตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) เดือนตุลาคม 2563 หดตัวร้อยละ 1.63 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีแนวโน้มการหดตัวลดลงจากที่เคยหดตัวถึงร้อยละ 22.44 ในเดือนพฤษภาคม 2563 สะท้อนให้เห็นถึงการผลิตที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับสภาวะปกติในปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคมหดตัวลดลงที่ร้อยละ 0.54 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนขยายตัวเพิ่มขึ้น และส่งผลให้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในปี 2564

นายทองชัย กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมหลักที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคเป็นหลัก อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.10 อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.50 และอุตสาหกรรมถุงมือยางขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30.28 ในขณะที่อุตสาหกรรมหลัก ๆ ที่เริ่มฟื้นกลับมาโดยขยายตัวอีกครั้ง เช่น อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.20 ตามการปรับฟื้นตัวของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระป๋องโลหะ โดยอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนตุลาคม ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.45 เนื่องจากโรงกลั่นและบริษัทบางแห่งหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ในปีก่อน แต่ปีนี้มีการซ่อมบำรุงเพียงบางแห่งและเริ่มกลับมาผลิตตามปกติแล้ว ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.07 เนื่องจากความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น โดยมีการเร่งผลิตและส่งมอบสินค้าหลังสถานการณ์ในต่างประเทศมีความไม่แน่นอนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แปรรูปและถนอมผลไม้และผัก ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.98 จากผลิตภัณฑ์สับปะรดกระป๋อง เป็นหลัก เนื่องจากปีนี้มีการปลูกสับปะรดในหลายพื้นที่และเก็บเกี่ยวได้เร็วกว่าปีก่อน รวมถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ด้านเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.19 จากผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กลวด ท่อเหล็ก เหล็กเคลือบโครเมี่ยม และเหล็กเคลือบดีบุกเป็นหลัก เนื่องจากความต้องการที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเหล็กแผ่นเคลือบโครเมี่ยมและดีบุกที่เติบโตตามการบริโภคอาหารกระป๋อง ในขณะที่ปีก่อนความต้องการหดตัวตามสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบจากเหล็กนำเข้าราคาถูก ทำให้ผู้ผลิตบางรายหยุดผลิต

ส่วนเครื่องใช้ในครัวเรือน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.54 จากผลิตภัณฑ์ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า โดยตู้เย็น มีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับได้มีผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตมาจากประเทศจีนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ในขณะที่เครื่องซักผ้าได้มีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นตลาดและคำสั่งซื้อเพิ่มจากมาเลเซียและญี่ปุ่น . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร