ประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิดปี 2

กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – รัฐมนตรีพาณิชย์ ย้ำเกษตรกรทั่วประเทศได้รับเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้สินค้า 5 ชนิด ปี 2 แน่นอน ใช้งบมากกว่า 75,000 ล้านบาทที่จะชดเชยทั้งทางตรงและทางอ้อม


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานงานสัมมนาเดินหน้าประกันรายได้ปี2 เงินถึงมือรากหญ้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วยประเทศ โดยได้เชิญตัวแทนเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 3,000 คนมารับฟังที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่า โดยถือเป็นข่าวดีต่อเกษตรกรทั่วประเทศ หลังจากโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 สินค้าในโครงการแรกสามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี และสร้างความพอใจต่อเกษตรกรให้สามารถขายสินค้าเกษตรได้ แม้ว่าบางช่วงสินค้าเกษตรบางชนิดจะมีราคาต่ำแต่ก็ได้รับชดเชยจากภาครัฐบาลจนมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 สินค้าต่อไปอีกในรอบปีการผลิต 63/64 ไปอีก

ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักที่จะเร่งหาแนวทางการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ จึงได้จัดทำโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 สินค้าและมาตรการคู่ขนานในสินค้า 5 ในส่วนประกันรายได้ปีที่ 2 ในปีโครงการประกันรายได้เกษตรกรปีที่ 2 ปีการผลิต 2563/64 ขึ้นมาอีก โดยจะเป็นโครงการที่ครอบคลุมจำนวนเกษตรกรมากถึง 7.67 ล้านครัวเรือน หรือมีวงเงินรวม 75,017.66 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินชดเชยส่วนต่าง สินค้าทั้ง 5 ชนิดกว่า 71,844.05 ล้านบาท ที่เหลือเป็นค่าบริหารจัดการที่ครอบคลุมพืชเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ยาง ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งกรอบการดำเนินการได้ผ่านหลักที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาบ้างแล้ว และบางพืชไร่อยู่ระหว่างนำเสนอข้อความเห็นชอบ ครม. อีกครั้งก่อนจะดำเนินการจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ให้กับเกษตรกรต่อไป


ทั้งนี้ รายละเอียด 1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี2563/64 ความคืบหน้า คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบไปแล้วเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 63 วงเงิน 23,495.71 ล้านบาท และอยู่ระหว่างคณะรัฐมนตรีพิจารณา ราคาและปริมาณสำหรับการประกันรายได้ ส่วนชนิดข้าว คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันรายได้ (บาท/ตัน) ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนประมาณ 4.5 ล้านครัวเรือน โดยต้องขึ้นทะเบียน กับกรมส่งเสริมการเกษตร ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 63 การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ตามวันเก็บเกี่ยวที่ระบุในทะเบียนเกษตรกร โดยใช้ราคาอ้างอิงตาม ประกาศคณะอนุกรรมการกาหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ ทุกวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์ และ ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชี เกษตรกร ภายใน 3 วัน นับแต่วันประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิง

ส่วนมาตรการคู่ขนาน คือ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ระยะเวลา 1 – 5 เดือน เป้าหมาย 1.5 ล้าน ตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 15,284 ล้านบาท รัฐชดเชยดอกร้อยละ 2.25 วงเงินจ่ายขาดค่าฝากเก็บฯ 2,250.00 ล้านบาท (ตันละ 1,500 บาท) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 สถาบันเกษตรกรรับภาระร้อยละ 1 โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โรงสีรับซื้อข้าวจาก เกษตรกรเพื่อเก็บสต็อก ระยะเวลา 2 – 6 เดือน เป้าหมาย 4 ล้านตัน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการ ผลิต 2563/2564 ไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงิน 54,828.08 ล้านบาท

2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ปี 2563/64


2.1. ความคืบหน้า กนป. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. 63 เห็นชอบโครงการประกันรายได้ฯ ปี 2564 ระยะเวลาดำเนินการ ม.ค. 64 – ก.ย. 64 วงเงิน 8,807.54 ล้านบาท (อยู่ระหว่างคณะรัฐมนตรีพิจารณา) ราคาและปริมาณสำหรับการประกันรายได้ ผลปาล์มทลาย (18%) กก.ละ 4 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ไร่ เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนประมาณ 3.7 แสนครัวเรือน ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร และต้องเป็นพื้นที่ปลูกที่ให้ผลผลิตแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง จ่ายเงินทุก 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2564 ถึง 15 ก.ย. 2564 โดย ใช้ราคาอ้างอิงตามประกาศคณะอนุกรรมการบริหารโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2563 – 2564 และมาตรการคู่ขนาน คือ การปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ กฟผ.รับซื้อ CPO ไปผลิตไฟฟ้า 360,000 ตัน ส่งมอบครบแล้ว และสำรอง 100,000 ตัน (ยังไม่ส่งมอบ) ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยกาหนดให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา และให้ B7 และ B20 เป็นทางเลือก โดยมีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันที่ 1 ต.ค. 63 เป็นต้นไป ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณ CPO ที่ถังเก็บน้ำมันปาล์มดิบ งบประมาณ 372.516 ล้านบาท การบริหารการนำเข้าโดย (1) กำหนดด่านศุลกากร(การนำเข้าปกติ) : นำเข้าได้เฉพาะด่าน มาบตาพุด กรุงเทพ และแหลมฉบัง (2) กำหนดด่านนำผ่าน : นำผ่านต้นทางที่ด่านกรุงเทพเพียงด่านเดียว สำหรับ ด่านปลายทางกำหนดไว้ 3 ด่าน ได้แก่ ด่านจันทบุรี (ไปกัมพูชา) ด่านหนองคาย (ไป สปป.ลาว) และด่านแม่สอด (ไปเมียนมา) นโยบายปาล์มยั่งยืน จัดทำร่าง พรบ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. …. โดย กษ.

3.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64

โดย ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 63 วงเงิน 9,788,933,798.40 บาท ระยะเวลาโครงการ 1 พ.ย. 63 – 31 พ.ค. 65 โดยราคาและปริมาณสำหรับประกันรายได้ หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกิน ครัวเรือนละ 100 ตัน เกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมประมาณ 5.2 แสนครัวเรือน ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 ถึง 31 มีนาคม 2564 ต้องเป็นเกษตรกรผู้ผลิตมันสำปะหลัง ด้วยตนเองและกรรมสิทธิ์เป็นของเกษตรกร และแจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยว นับจากวันเพาะปลูกไม่น้อยกว่า 8 เดือน การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง จ่ายเงินชดเชยตั้งแต่ 1 ธ.ค. 63 – 30 พ.ย. 64 โดยใช้ราคาอ้างอิงที่ ประกาศทุกๆ 1 เดือน และ ธ.ก.ส. โอนเงินชดเชยส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วันทำการหลังการประกาศราคาอ้างอิง

มาตรการคู่ขนาน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง วงเงินกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท กำหนดชำระคืนไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันกู้ ดอกเบี้ยร้อยละ 6.50 ต่อปี เกษตรกรรับภาระร้อยละ 3.50 ต่อปี และ รัฐบาลชดเชยให้ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสาปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงิน สินเชื่อ 1,500 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี สถาบันเกษตรกรรับภาระร้อยละ 1 ต่อปี และรัฐบาลชดเชย ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลัง ในรูปแบบมันเส้น/แป้งมัน เพื่อดูดซับผลผลิตในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต็อกไว้ 60 – 180 วัน

4. โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 2 ความคืบหน้า กนย. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้ฯ ระยะที่ 2 ระหว่าง ส.ค. 63 – ม.ค. 64 (ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.) วงเงิน 31,013.27 ล้านบาท เกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯจำนวนประมาณ 1.83 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 18 ล้านไร่ที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย ราคาและปริมาณสำหรับประกันรายได้ ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ เป็นสวนยางอายุ 7 ปี ขึ้นไป และ เปิดกรีดแล้ว โดยมีราคาเป้าหมาย ได้แก่ (1) ยางแผ่นดิบคุณภาพดี กก.ละ 60 บาท (2) น้ำยางสด DRC 100% กก.ละ 57 บาท (3) ยางก้อนถ้วย DRC 50% กก.ละ 23 บาท โดยเจ้าของสวนได้ 60% คนกรีดได้ 40% การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างจ่ายเดือนละคร้ังตั้งแต่ ส.ค. 2563 โดยปัจจุบันได้ใช้งบประมาณของ ธกส. สำรองจ่ายแทนรัฐบาลไปก่อน

มาตรการคู่ขนาน มาตรการกำกับดูแลด้านปริมาณ ผู้ประกอบกิจการยางที่มีปริมาณการรับซื้อตั้งแต่เดือนละ 5,000 กก.ขึ้นไป แจ้งปริมาณการซื้อ ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณการใช้ไป ปริมาณคงเหลือ และ สถานที่เก็บ สินค้ายางพารา ตลอดจนให้จัดทำบัญชีคุมรายวัน ส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐระหว่างต.ค.62 – ก.ย.65 โครงการสนับสนุนสินเชื่อ 5 โครงการ (ที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการ) โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยาง (วงเงิน 10,000 ล้านบาท) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ 1 เม.ย. 63 – 31 มี.ค. 67 โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพารา (วงเงิน 5,000 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินงาน 1 ก.ย. 57 – 31 ธ.ค. 67 โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) (20,000 ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินงาน ม.ค. 63 – ธ.ค. 64 โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง (วงเงินสินเชื่อ 25,000 ล้าน บาท) ระยะเวลาโครงการ ปี 59 – 69 โดยสนับสนุนวงเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ อัตราร้อยละ 3 (ไม่เกิน 600 ล้านบาท)

5. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64  ความคืบหน้าครม.มีมติเห็นชอบแล้ว ในวงเงิน1,912,210,245 บาท ระยะเวลา โครงการฯ 1 พฤศจิกายน 2563 – 30 เมษายน 2565 ราคาและปริมาณประกันรายได้ กก.ละ 8.50 บาท ณ ความชื้น 14.5% ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ เกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯจำนวนประมาณ 4.5แสนครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียนกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีระยะเวลาเพาะปลูกระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2563 – 31 พฤษภาคม 2564 การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างจ่ายเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันที่20พฤศจิกายน 2563 และทุกวันที่ 20 ของเดือน จนถึง 31 ตุลาคม 2564

มาตรการคู่ขนาน การบริหารจัดการการนำเข้า เอกชนให้นำเข้าช่วง ก.พ.- ส.ค. / อคส. นำเข้าได้ทั้งปี กำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1 : 3 แสดงราคา ณ จุดรับซื้อที่ความชื้น 14.5% และ 30% แจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บ การตรวจสอบสตอก สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตร ปี 2563/64 สำหรับสถาบันเกษตรกร รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ย 45 ล้านบาท โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในการเก็บสตอก ปีการผลิต 2563/64 ระยะเวลา 2 – 4 เดือน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 วงเงินสินเชื่อ 1,500 ล้านบาท วงเงินชดเชย ดอกเบี้ย 15 ล้านบาท ด้วยงบ คชก.เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”