กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – สศก.เผยผลการจำหน่ายข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ GI พบผู้บริโภคเชื่อมั่นทั้งคุณภาพและความปลอดภัย เกษตรกร-ผู้ประกอบการจำหน่ายได้ราคาสูงขึ้น
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 จังหวัดขอนแก่น (สศท.4) ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กรณีศึกษาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 4,449 บาท/ไร่ ช่วงการเพาะปลูกระหว่างเดือนเมษายน -สิงหาคม ระยะเวลาเก็บเกี่ยวระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 360 กิโลกรัม/ไร่ เกษตรกรได้ผลตอบแทน 5,125 บาท/ไร่ คิดเป็นกำไร 676 บาท/ไร่ โดยเกษตรกรส่งขายข้าวเปลือกให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 14.23 บาท/กิโลกรัม ส่วนข้าวสารบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัม ราคา 40 – 45 บาท/ถุง และข้าวกล้องบรรจุถุงสุญญากาศ ราคาเฉลี่ย 60 – 75 บาท/ถุง
ทั้งนี้ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้เป็นหนึ่งในสินค้าข้าวที่ขึ้นทะเบียน GI เมื่อปี 2549 ซึ่งการผลิตสินค้าข้าว GI ในแหล่งภูมิศาสตร์ที่ขึ้นทะเบียนเป็นการสร้างสินค้าข้าวที่มีเอกลักษณ์ต่างจากแหล่งผลิตอื่น จึงนับว่าเป็นโอกาสทางการค้า การตลาด รวมถึงเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นสินค้าข้าวคุณภาพที่ได้มาตรฐานการผลิต สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการท้องถิ่น และที่สำคัญเป็นการสร้างความภาคภูมิใจในทรัพยากรที่มีในท้องถิ่น รักษาภูมิปัญญาดั้งเดิม และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
สำหรับสถานการณ์ด้านตลาดพบว่าเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมมะลิ GI มีตลาดรองรับผลผลิตที่ชัดเจนรวมถึงยังมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดออนไลน์ ตลาดโมเดิร์นเทรด การออกบูธงานแสดงสินค้าและงานสำคัญของจังหวัด โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้บริโภคที่ใส่ใจด้านสุขภาพ ซึ่งผู้ประกอบการหรือกลุ่มเกษตรกรสามารถขายสินค้าเกรดพรีเมี่ยมได้ในราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการขายลักษณะของฝากของที่ระลึก ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังสามารถมั่นใจในเรื่องการผลิตของข้าวหอมมะลิ GI ได้อย่างแน่นอนเพราะเกษตรกรใส่ใจตั้งแต่กระบวนการคัดเมล็ดพันธุ์ที่ต้องมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การดูแลรักษาไปจนถึงการแปรรูป
ด้านนายฉกาจ ฉันทจิระวัฒน์ ผู้อำนวยการ สศท.4 กล่าวว่า ปัจจุบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษ มหาสารคาม และยโสธร มีพื้นที่เพาะปลูกรวมกันประมาณ 2,707,390 ไร่ โดยปี 2562 จังหวัดร้อยเอ็ดมีเนื้อที่เพาะปลูกมากที่สุดประมาณ 826,724 ไร่ ให้ผลผลิตรวม 276,953 ตัน มีพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเกษตรวิสัย สุวรรณภูมิ หนองฮี ปทุมรัตน์ และโพนทราย
ทาง สศท.4 จัดรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง ๆ เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพบว่า การปลูกข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ GI ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการ/โรงสียังได้รับเมล็ดข้าวที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานเพิ่มช่องทางการจำหน่ายได้ ดังนั้น จะนำเสนอผลการศึกษาต่อคณะกรรมการพิจารณาโครงการวิจัยและประเมินผลในวันที่ 16 – 17 กันยายนนี้ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายมาตรการสนับสนุนการผลิตสินค้า GI รวมทั้งนำไปช่วยเกษตรกรในการบริหารจัดการต้นทุนให้เหมาะสม เกษตรกรมีอำนาจต่อรองในการจัดซื้อวัตถุดิบ จนกระทั่งการจำหน่ายทั้งในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารบรรจุถุงซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย