กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – กรมสรรพากรห่วงจัดเก็บรายได้ปี 64 พลาดเป้า 2.08 ล้านล้านบาท ผลกระทบโควิด-19
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ปีนี้จะต้องหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อีกครั้ง โดยวัดจากการจัดเก็บรายได้เดือนสิงหาคมเป็นตัวชี้ขาดว่าการเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 2563 จะเป็นเท่าใด เนื่องจากที่ผ่านมาการทำประมาณการรายได้อยู่บนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยขยายตัว 5% แต่ขณะนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 8% ดังนั้น เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 2.11 ล้านล้านบาท คงไม่สามารถทำได้ในภาคปฏิบัติ แต่คงไม่นำเรื่องเป้าหมายดังกล่าวมาเป็นตัวตั้ง เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม การเก็บรายได้ปี 2563 ยังไม่น่าห่วง เพราะเป็นการเก็บจากฐานรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการปี 2562 ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ การจัดเก็บรายได้ปี 2564 ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 2.08 ล้านล้านบาทตามเอกสารงบประมาณจะต้องกลับมาพิจารณาในภาพใหญ่อีกครั้ง
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าหมายเกิดจากการเลื่อนยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลไปสิ้นสุด 31 สิงหาคม 2563 เพราะต้องการให้ความสำคัญกับการช่วยประชาชนและเร่งคืนภาษี ซึ่งตอนนี้บุคคลธรรมดาคืนไปแล้วกว่า 95% คิดเป็น 3 ล้านคน เม็ดเงินกว่า 33,000 ล้านบาท ส่วนนิติบุคคลคืนแล้วกว่า 30,000 ล้านบาท
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 รวม 10 ล้านราย จากปีก่อน 11.5 ล้านราย ส่วนนิติบุคคลยื่นแล้ว 200,000 ราย จากปีก่อน 500,000 ราย คาดว่าใกล้วันสิ้นสุดยื่นแบบจะใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งจะพยายามสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์ให้เข้ามายื่นแบบเสียภาษี โดยจัดตั้งทีมที่ปรึกษากรมสรรพากร พร้อมให้คำแนะนำผู้ค้าออนไลน์สามารถเดินมาที่สรรพากรพื้นที่ เพื่อเสียภาษีถูกต้องได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ และเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 กรมฯ พร้อมที่จะให้ผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดาผ่อนชำระภาษีได้ 3 งวดไม่มีดอกเบี้ย แต่ต้องมีภาษีที่ชำระไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท.-สำนักข่าวไทย