ธปท.ดัน DR BIZ ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ธุรกิจที่เจ้าหนี้หลายราย

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – ธปท.ออกโครงการ DR BIZ ช่วยลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายรายกว่า 8,400 ราย ปรับโครงสร้างหนี้ หลังพบปัญหาการประสานงานล้มเหลว


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีเจ้าหนี้หลายรายและต้องการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ประสบปัญหาความล้มเหลวในการประสานงาน และยังพบปัญหาเรื่องของกรอบเวลาการทำงานที่ล่าช้า ส่งผลต่อการตัดสินใจของสถาบันการเงินรายอื่นที่เป็นเจ้าหนี้ ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายรายวงเงินรวมหนี้ตั้งแต่ 50-500 ล้านบาท ประมาณ 8,400 คน คิดเป็นเม็ดเงินรวมเกือบ 1.2 ล้านล้านบาท โดยโครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่งคง จะเป็นการเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหน้าหนี้หลายราย ซึ่งจะมีการกำหนดมาตรฐานและกรอบเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ หรือภายใน 1 เดือน หลังได้รับข้อมูลและเอกสารจากลูกหนี้ครบถ้วน ซึ่งคาดว่าจะมีลูกหนี้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย

สำหรับกระบวนการตัดสินใจของเจ้าหนี้ จะกำหนดให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่เป็นหลักในการประสานงานกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินอื่น และเจ้าหนี้จะทำการโหวตร่วมกันในการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้ แต่หากเสียงปริ่มน้ำ ทาง ธปท.จะเข้าไปเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยงให้ ซึ่งลูกหนี้ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ DR BIZ จะได้รับการบรรเทาหนี้โดยรวมและลดระยะเวลาติดต่อเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้หรือความช่วยเหลือที่เหมาะสม โดยหนี้เดิม อาทิ การลดค่างวด ขยายเวลาชำระหนี้ และ/หรือปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมตามศักยภาพของลูกหนี้ มีระยะปลอดหนี้และการผ่อนชำระหนี้ที่เหมาะสม และทบทวนการให้ใช้วงเงินของลูกหนี้ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ธนาคารเจ้าหนี้ร่วมพิจารณาให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกหนี้ที่มีประวัติชำระหนี้ดี มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน


สำหรับระยะแรก จะดำเนินโครงการกับกลุ่มลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย โดยลูกหนี้ธุรกิจทุกประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรมวงเงินรวม 50-500 ล้านบาท มีสถานะปกติ หรือเป็น NPL กับธนาคารบางแห่ง ตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด ต้องไม่ถูกฟ้องคดี ยกเว้นเจ้าหนี้ถอนฟ้อง โดยเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมโครงการเป็นสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFls) ซึ่งลูกหนี้สามารถติดต่อสมัครเข้าโครงการกับสถาบันการเงินหลักที่ใช้บริการ หรือ สถาบันการเงินแจ้งเชิญลูกหนี้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564

ขณะที่มาตรการพักชำระหนี้ที่จะครบกำหนดเดือนตุลาคมนี้ ผู้ว่าแบงก์ชาติยืนยันว่าจะไม่ใช้หลักเกณฑ์ขยายระยะเวลาเป็นการทั่วไป แต่จะใช้กลไกอื่นแทน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องสถาบันการเงินระยะยาว แม้ขณะนี้สถาบันการเงินจะมีความสามารถรองรับการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ก็ตาม .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย