23 เม.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง-ปศุสัตว์ เปิดปฏิบัติการ “ล่าหมูเถื่อน” พบของกลางซากสุกรไม่ทราบแหล่งที่มา 1,800 กิโลกรัม
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส, พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย รรท.ผกก.1 บก.ปทส ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ นายสายันต์ ป้องขันธ์ ปศุสัตว์พื้นที่ 1 และรักษาการพื้นที่ 3 และ 5 กรุงเทพมหานคร, นายคัชพนธ์ อุดมสินค้า นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ กองสารวัตรและกักกัน ร่วมกันจับกุม นายธนะพลฯ อายุ 41 ปี ในข้อหา ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์เข้าเขตโรคระบาดชั่วคราว เขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ประจำเขต เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 65 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับโดยจับกุมที่โรงชำแหละซากสุกรไม่มีชื่อ แขวงและเขตบางชื่อ กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ซากสุกร จำนวน 1,800 กิโลกรัม และเก็บตัวอย่างเนื้อสุกร ส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคระบาดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์
ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. และสารวัตรปศุสัตว์ไซเบอร์ กองสารวัตรและกักกัน ปศุสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการร้องเรียนว่าโรงชำแหละซากสุกรไม่มีชื่อ แขวงและเขตบางชื่อ กรุงเทพมหานคร ประกอบเป็นสถานที่นำมาชำแหละ เพื่อส่งขายมีการลักลอบเคลื่อนย้ายเนื้อและชิ้นส่วนสุกรมาจากพื้นที่ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ทราบแหล่งที่มา การขนย้ายไม่ถูกสุขอนามัย อาจทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และประกอบกิจการที่ไม่ถูกสุขอนามัยในพื้นที่ใกล้เคียง กลิ่นเหม็นเป็นปัญหามลพิษทางอากาศ และเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง


ต่อมาตำรวจ กก.1 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เข้าทำการตรวจสอบโรงชำแหละซากสุกร ผลการตรวจสอบ พบนายธนะพล แสดงตัวเป็นเจ้าของ และพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยพบว่ามีซากสุกรบางส่วน วางบนพื้นทางเดินโดยไม่มีภาชนะหรือสิ่งใดๆ ปกคลุม ซากสุกรทั้งหมดในสถานประกอบการแห่งนี้ มีปริมาณ 7,500 กิโลกรัม ซึ่งซากสุกรที่มีเอกสารครบถ้วนถูกต้องมีเพียง 5,700 กิโลกรัมเท่านั้น ซากสุกรอีก 1,800 กิโลกรัม ไม่ทราบแหล่งที่มา และไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงแหล่งที่มาได้ จึงมีความผิดดังนี้ ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์เข้าเขตโรคระบาดชั่วคราว เขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสัตวแพทย์ประจำเขต เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร มีความผิดตามมาตรา 65 จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และทำการอายัดซากสุกร จำนวน 1,800 กิโลกรัม ไว้ที่ห้องเย็น พร้อมทั้งเก็บตัวอย่าง นำตรวจหาเชื้อโรคระบาด และนำตัวผู้ต้องหา ส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีต่อไป
การปฏิบัติงานในครั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเป็นหลัก เนื่องจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา ไม่มีการตรวจสอบใดๆ ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้มีความเสี่ยงที่เนื้อสัตว์ ที่จะวางจำหน่ายให้กับผู้บริโภคปนเปื้อนเชื้อโรคสูง อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคระบาดที่สำคัญ หรืออันตรายจากสารตกค้าง เช่น สารเร่งเนื้อแดง ฮอร์โมน และยาปฏิชีวนะ เป็นต้น ส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคและอาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนของกลางที่เป็นซากสัตว์ ทางกรมปศุสัตว์จะทำลายโดยการฝังหรือเผาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป .419 สำนักข่าวไทย