กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – “มนัญญา” ระบุกระบวนการแบนพาราควอตจบไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทบทวน เชื่อเกษตรอินทรีย์เป็นทางรอดของประเทศ
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีผู้แทนสมาคมการเกษตร 11 แห่ง ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทบทวนการยกเลิกใช้พาราควอต เพราะเกษตรกรเดือดร้อน เนื่องจากสารอื่นที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำให้ใช้มีประสิทธิภาพไม่เท่าเทียมพาราควอต อีกทั้งเมื่อฝนชุกกำจัดวัชพืชไม่ทัน ทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และคาดว่าจะได้ผลผลิตต่ำ ว่า จากการเดินทางตรวจราชการทั่วประเทศไม่มีเกษตรกรมาร้องเรียนว่า เดือดร้อนจากการยกเลิกใช้พาราควอต ตามข้อมูลที่ได้รับรายงานพืชที่ได้รับผลกระทบจากการใช้สารกำจัดวัชพืชอื่นมีเพียงมันสำปะหลัง เนื่องจากสารที่มีฤทธิ์ดูดซึม ทำให้มันสำปะหลังโตช้า จึงแนะนำให้ใช้วิธีการเตรียมแปลงแบบยกร่อง ซึ่งจะกำจัดวัชพืชได้ง่าย
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากระบวนการแบนพาราควอตจบแล้ว จากนี้เกษตรกรต้องนำมาคืนร้านค้าตามเวลาที่คำสั่งกรมวิชาการเกษตรกำหนด คือ ภายใน 29 สิงหาคม ไม่จำเป็นต้องทบทวน เนื่องจากเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาเกี่ยวกับการพัฒนาภาคเกษตร ข้อ 5.3.4 ส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งจะลด ละ เลิกใช้ยาปราบศัตรูพืชโดยเร็ว ตลอดจนส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มและโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยประการแรก คือ เกษตรอินทรีย์
นางสาวมนัญญา กล่าวต่อว่า เกษตรอินทรีย์เป็นทางรอดของประเทศ เนื่องจากตลาดทั้งในและต่างประเทศต้องการสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ราคาสินค้าเกษตรอินทรีย์สูงกว่าเกษตรที่ใช้สารเคมีมาก จึงจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรและทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัย
“จะไม่ทบทวนการแบนพาราควอต อีกทั้งหากมีข้อมูลว่าสารเคมีเกษตรใดมีอันตรายจะเสนอยกเลิกทุกชนิด เช่นเดียวกับไกลโฟเซต ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืชอีกชนิดที่มีมาตรการจำกัดการใช้นั้น จะผลักดันให้ยกเลิกให้ได้ แล้วส่งเสริมการใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ปราชญ์เกษตรทั่วประเทศจำนวนมากใช้ได้ผลจริง” นางสาวมนัญญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย