กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – รมว. เกษตรฯ สั่งเฉียบ ให้กรมวิชาการเกษตรผนึกกำลังกับดีเอสไอ ปราบขบวนการผลิตชีวภัณฑ์ผสมสารเคมีหลอกขายเกษตรกร พร้อมขึ้นบัญชีดำ 13 สารชีวภัณฑ์เถื่อนเตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงผ่านสื่อออนไลน์
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้กำชับกรมวิชาการเกษตรให้ดำเนินการปราบปรามผู้ผลิตสารชีวภัณฑ์ปลอม โดยล่าสุดได้รับรายงานว่า ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติการครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตและจำหน่ายวัตถุอันตรายและปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐานที่จังหวัดนครราชสีมา ปทุมธานี และนนทบุรี พบวัตถุอันตรายและปุ๋ยผิดกฎหมายรวมปริมาณ 69.1 ตัน รวมมูลค่าความเสียหาย 31.8 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตสารชีวภัณฑ์ปลอมใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร อุตรดิตถ์ และเชียงใหม่ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ และยึดอายัดสารชีวภัณฑ์ รวมทั้งสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการผลิต พร้อมกับรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รวมมูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท โดยรายชื่อผลิตภัณฑ์ชีวภัณฑ์ปลอมที่ตรวจยึดมี 13 ชื่อการค้าได้แก่ คิวสตาร์ วัวแดง สมาร์ทไบโอ 1 สมาร์ทไบโอ 2 นิวตรอน 1 นิวตรอน 2 ซุปเปอร์ไลค์ มีเฮงรถถัง ไบโอวัน นานากรีน ซันฮีโร่ น้ำหมักยายสี และจ๊าบ
ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตรระบุว่า ตั้งแต่ปี 2559 มีการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสการขายสินค้าชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดศัตรูพืช วัชพืช ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นซึ่งเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการทางด้านกฎหมายแล้วหลายราย แต่ยังมีผู้ผลิตอีกจำนวนหนึ่งซึ่งยังไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ เนื่องจากไม่พบสถานที่ผลิตตามที่ระบุไว้ในฉลากผลิตภัณฑ์ แต่พบว่ามีการผลิตและจำหน่ายสินค้าชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดวัชพืชในลักษณะเดียวกันอีกหลายชนิด โดยผู้ผลิตดังกล่าวเปลี่ยนชื่อและที่อยู่เพื่อหลบหนีการตรวจสอบซึ่งแม้เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรจะได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบสถานที่ตามที่ระบุไว้ในฉลากอีกหลายครั้งในพื้นที่จังหวัด นนทบุรี ปทุมธานี และฉะเชิงเทรา แต่ส่วนใหญ่จะพบเพียงผู้จำหน่ายรายย่อย แต่ไม่สามารถสืบหาผู้ผลิตที่แท้จริงได้
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ปัญหานี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงเนื่องจากเป็นการหลอกลวงเกษตรกร รวมถึงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม รวมทั้งอาจส่งผลให้เกิดสารตกค้างในสินค้าเกษตรมาถึงผู้บริโภค จึงสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรบูรณาการกับดีเอสไอ โดยให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษทำให้สามารถเข้าถึงผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่ได้ จากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหาของเกษตรกรในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้รับทราบปัญหาการหลอกขายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรทั้งปุ๋ยและวัตถุอันตรายที่ไม่มีคุณภาพให้กับเกษตรกร ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากโดยได้กำหนดเป็นยโยบายขับเคลื่อนภาคการเกษตรที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายให้เกษตรกร ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีการเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับการผลิตพืชให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยดังนั้นจึงได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปรามขบวนการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรที่ต้องเสียเงินซื้อปัจจัยการผลิตปลอมที่ได้มาตรฐานมาใช้ เพราะนอกจากจะใช้ไม่ได้ผลตามที่ต้องการแล้วยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภคด้วย
“ขอแจ้งเตือนเกษตรกรไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อการค้าที่ถูกตรวจยึดดังกล่าว รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือหรือมีการโฆษณาเกินจริงตามสื่อโซเชียลต่างๆ และหากมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งกรมวิชาการเกษตรเพื่อเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2940-5434” นายเฉลิมชัยกล่าว . – สำนักข่าวไทย