ระยอง 29 ก.ย.- ธ.ก.ส.ขานรับมาตรการรัฐ Quick Big Win แก้หนี้-เพิ่มรายได้เกษตรกร เผย NPL ที่ 6.10% ต่ำกว่าแผน เป้าปลายปีที่ 5.17% มาตรการพักหนี้ปีสุดท้ายเริ่มตรวจสอบสินเชื่อ 1 ต.ค.นี้ เหลือเข้าร่วม 1.4 ล้านคน ยอดหนี้คงค้างเกือบ 2.4 แสนล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงมาตรการแก้หนี้ให้กับประชาชน ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ว่าขณะนี้รอรัฐบาลแถลงนโยบายให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้เสริม หรือมิติการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการเกษตรเชื่อมโยง เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร
ส่วนเรื่องหนี้เรื้อรัง หรือ Persistent debt นั้น ยอมรับว่า ธ.ก.ส. ยังคงมีอยู่ เห็นได้จากตัวเลขของเกษตรกร ทั้งลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่ยังไม่สามารถปิดหนี้จบได้ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้เตรียมข้อมูลและเตรียมมาตรการรองรับไว้เบื้องต้นแล้ว เพียงแต่รอทางรัฐบาลแถลงนโยบาย ย้ำว่า ธ.ก.ส. พร้อมที่จะดำเนินการทันที
ขณะที่ความคืบหน้าของมาตรการหนี้สูงวัย ขณะนี้ได้มีการเตรียมข้อมูลไว้เช่นกัน โดยมีทางเลือกหลายรูปแบบให้คณะกรรมการของ ธ.ก.ส. พิจารณาอีกครั้ง โดยเรื่องนี้จะต้องหารือกัน หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จสิ้น โดยรายละเอียดเบื้องต้นจะเป็นมาตรการสำหรับผู้สูงวัยที่อายุ 70 ปีขึ้นไป และสำหรับคนที่ไม่มีหลักประกัน ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป มีประมาณ 40,000 กว่าราย ที่เข้าข่ายเป็นหนี้เรื้อรัง โดย ธ.ก.ส. เตรียมวงเงินไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับความชัดเจนของผลกระทบจากจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ฝ่ายจัดการ ของ ธ.ก.ส. ได้วิเคราะห์เมื่อ 6 เดือนที่แล้วว่ามีสินค้าเกษตรหลายชนิดที่ได้รับผลกระทบ แต่ขณะนี้ผลกระทบที่แท้จริงยังไม่ส่งตรงมาถึง และอาจมีสินค้าเกษตรบางชนิดที่อาจได้ประโยชน์เช่นกัน หากรัฐบาลเตรียมมาตรการรองรับเป็นการเฉพาะ ก็อาจทำผลกระทบบรรเทาลง
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดยังไม่มีความชัดเจน ธ.ก.ส. ได้เตรียมแผนรองรับไว้หลายสถานการณ์ รวมทั้งเครื่องมือที่ช่วยเหลือลูกค้า และการดูแลอัตราการเกิดหนี้เสีย หรือ NPL ในลูกค้าบางกลุ่ม ซึ่งปัจจุบัน NPL ณ วันที่ 20 กันยายน 2568 อยู่ที่ 6.10% อยู่ในระดับต่ำกว่าแผน จากคุณภาพสินเชื่อบางกลุ่มปรับตัวดีขึ้น และการลดดอกเบี้ยบางส่วน ทำให้ลูกค้าชำระหนี้ได้ตามอัตราที่กำหนด ขณะที่เป้าปลายปีอยู่ที่ 5.17% ทั้งนี้ ลักษณะ NPL ของ ธ.ก.ส. เป็นลักษณะคลื่นที่ค่อยๆลดความชันลงต่อเนื่อง ส่วนอัตราการเก็บชำระหนี้ดีกว่าแผน นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้เครื่องมือเข้ามาบริหารจัดการหนี้ ทำให้ต้องมีการปรับปรุงรายได้ดอกเบี้ยออกบางส่วนในช่วง 6 เดือนหลัง
สำหรับมาตรการพักหนี้ของ ธ.ก.ส. ตามนโยบายของรัฐบาล ขณะนี้อยู่ระหว่างการการประเมินคุณภาพและความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ (Loan review) ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าพักหนี้เพิ่มอีก 1 ปี เป็นปีสุดท้าย (ปีที่ 3) ซึ่งจะเริ่มตรวจสอบสินเชื่อ 1 ตุลาคม 2568 นี้ ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการพักหนี้ 1.4 ล้านคน ยอดหนี้คงค้างเกือบ 240,000 ล้านบาท จากช่วงเริ่มต้นมาตรการพักหนี้มีลูกค้าเข้าร่วม 1.8 ล้านคน ยอดหนี้คงค้าง 286,000 ล้านบาท
ด้านนายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผย ว่า ธ.ก.ส. ออกสินเชื่อไปแล้ว 1.678 ล้านล้านบาท ลดลงจากแผนเดิมเล็กน้อยที่ 1.7 กว่าล้านบาท ถือเป็นสถานการณ์ปกติในช่วงฤดูกาลปล่อยสินเชื่อ แต่คุณภาพของ NPL ควบคุมได้ในระดับที่พึงพอใจ ขณะเดียวกันการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงเล็กน้อย ธ.ก.ส. ได้พอร์ตสินเชื่อความเสี่ยงต่ำในการชำระหนี้มากขึ้น ทั้งในกลุ่ม อสม. กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ภาคีเครือข่าย กลุ่มบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่พัฒนาภาคชนบท คาดว่าจะทำให้ภาพรวมการออกสินเชื่อเป็นไปตามแผนงานช่วงปลายปี
สำหรับภาพรวมเงินฝากลดลงจากช่วงต้นปีเล็กน้อย โดยลดลงมา 2 หมื่นล้านบาท จาก 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่น่ากังวลและเป็นไปตามแผนงานที่ประมาณการณ์ไว้ เนื่องจากเป็นไปตามฤดูกาลที่ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่มีการเบิกจ่ายจากภาครัฐ ขณะที่งบประมาณใหม่ยังไม่เข้ามา ซึ่งขณะนี้คณะกรรม ธ.ก.ส. ได้ให้ความเห็นชอบแผนการออกเงินฝากไปจนถึงสิ้นปี ทั้งการรองรับเงินฝากเก่าที่จะครบกำหนด และหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้าปลายปีจะมีเงินฝากในระดับกว่า 2 ล้านล้านบาท.-516-สำนักข่าวไทย