กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – ทองเช้านี้ ปรับสูงขึ้นสร้างสถิตินิวไฮต่อเนื่อง ตามราคาทองโลก และเงินบาทที่ผันผวน ไปทิศทางอ่อนค่า
สมาคมค้าทองคำรายงาน ว่าราคาทองคำในเช้าวันนี้ จนถึง 11.56 น. ปรับขึ้นรวด 9 ครั้ง ราคาสร้างสถิติสูงสุด โดย ราคาทองแท่งขายออก บาทละ 58,100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 58,900 บาท โดยอยู่บน อัตราแลกเปลี่ยนทิศทางอ่อนค่า 32.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาทอง Gold SPOT 3,808 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ภาพการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทองโลกมีการปรับตัวขึ้น จากการที่ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้มีการปรับฐานลงหลังจากปรับตัวขึ้น 2 วัน อีกทั้งบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังคงทรงตัวในกรอบแคบที่ระดับ 4.17-4.16% สืบเนื่องมาจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี PCE พื้นฐานเทียบรายเดือน หดตัวลงสู่ระดับ 0.2% จากเดิมที่ขยายตัว 0.3% แต่หากเทียบเป็นรายปี ยังคงตัวที่ระดับ 2.9% ซึ่งเทียบเท่าครั้งก่อน ในขณะที่ตลาดได้มีความกังวลที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ อาจไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการจ้างงาน (Non Fram Payroll :NFP) ภายในวันที่ 3 ต.ค.นี้ จากการที่สหรัฐฯ อาจเผชิญกับการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือภาวะชัตดาวน์ในวันอังคารนี้เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนในการเจรจาด้านงบประมาณภาครัฐชั่วคราวระหว่างปธน.ทรัมป์-พรรคเดโมแครต ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทองคำ 8.87 ตัน รวมสุทธิ 1,005.72 ตัน
สำหรับทองโลกอยู่ในระยะ Sideway Up จึงแนะนำใช้กลยุทธ์ย่อเก็บสะสมจากแนวรับที่ระดับ 3,760 ดอลลาร์ และขายทำกำไรหากราคาขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,790 ดอลลาร์ แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 3,750 ดอลลาร์ แนะนำขายตัดขาดทุนไปก่อน
ส่วนราคาทองในประเทศรับตัวขึ้นตามทองโลก ในขณะที่ค่าเงินบาท Sideway จึงแนะนำเข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 57,450 บาท และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 57,750 บาท แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 57,350 บาท แนะนำขายตัดขาดทุน
ด้านเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.22-32.24 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.47 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.24 บาทต่อดอลลาร์ฯ. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าสอดคล้องกับทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย และราคาทองคำในตลาดโลกที่ทำ record high ครั้งใหม่ ขณะที่ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ กลับมาอ่อนแอ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE ของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดประเมินว่าอาจจะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุม FOMC รอบถัดไปในเดือนต.ค. นี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลยเพิ่มเติมจากความกังวลเกี่ยวกับโอกาสของการเกิด Government Shutdown ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.10-32.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาท ตามกลยุทธ์ Trend-Following) อย่างไรก็ดี เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-way risk หรือพร้อมเคลื่อนไหว ได้ทั้งสองทิศทาง ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
“แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า แต่การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจไม่ได้รุนแรงในระยะสั้น ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง อีกทั้งบรรดานักลงทุนต่างชาติก็ไม่ได้เทขายสินทรัพย์ไทยต่อเนื่อง เหมือนในสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะเดียวกัน ผ้เล่นในตลาดบางส่วน อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ และ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 31.80 บาทต่อดอลลาร์ และ 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น เช่น Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 31.75-32.75 บาท/ดอลลาร์” นายพูน กล่าว
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.50 บาท/ดอลลาร์ หลังจากเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ สำหรับในสัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางสหรัฐฯนำโดย ดัชนี ISM ภาคบริการและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายนช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ ราคาตลาดปัจจุบันสะท้อนว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 40bp ในปี 68 และราว 98bp ก่อนสิ้นปี 69 อย่างไรก็ตาม กรุงศรีฯประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกสองครั้งในปีนี้ ขณะที่การเติบโตของ AI ซึ่งเพิ่มแรงสนับสนุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจกระทบการจ้างงานในระยะยาว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินเยนจะเปิดทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ขึ้นดอกเบี้ยได้ในไตรมาส 4/68. -511- สำนักข่าวไทย