กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – นายกสมาคมฯ รถยนต์ใช้แล้ว เผยยอดขาย- ยอดปล่อยสินเชื่อลดต่อเนื่อง 3 ปี ยอมรับปีนี้หนัก เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว-ภาษีทรัมป์-รถ EV คาดปี 68 รถเข้าตลาดมือสองลดลง 28-30% ยอดขายหดตัว 10%
นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กล่าวในการแถลง “เจาะลึกธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว รวมพลังฝ่าวิกฤติ” ว่า ธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจ ราคาสินค้า และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันจำนวนรถยนต์ที่เข้าสู่ตลาดรถมือสองลดลงอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2567 มีจำนวน 300,000 คัน แต่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้พบว่า มีรถเข้าสู่ตลาดมืองสองเพียง 92,293 คัน ทำให้คาดว่ารถยนต์ที่จะเข้าสู่ตลาดมือสองในปีนี้นั้นจะลดลงถึง 28-30%
ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อของรถยนต์ใช้แล้ว ตลอด 3 ปี ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 ยอดปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 122,000 ล้านบาท ปี 2567 ยอดปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 92,000 ล้านบาท หรือลดลง 25% ส่วนในปี 2568 มองว่าคาดการณ์ว่าจะลดลง 10% โดยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 83,000 ล้านบาท


ส่วนยอดการขายรถยนต์มือสอง ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา โดยในปี 2566 ยอดการขายรถยนต์มือสองอยู่ที่ 406,000 คัน ปี 2567 316,000 คัน หรือลดลง 22% ส่วนในปี 2568 ที่มีความท้าทายอย่างมากจึงทำให้สมาคมฯ คาดการณ์ว่าจะสามารถขายรถยนต์มือสองได้เพียง 285,000 คัน หรือลดลงประมาณ 10%
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงการขายรถยนต์ใหม่ก็มีสัญญาณที่ชะลอลงเช่นกัน โดยในปี 2565 พบว่า รถยนต์ใหม่มียอดขายอยู่ที่ 849,388 คัน แต่ในปี 2567 ลดลงเหลือเพียง 572,675 คัน ส่งผลให้ในปีนี้มีการคาดการณ์ว่ารถยนต์ใหม่จะสามารถขายได้เพียง 520,000 คันเท่านั้น จากปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะปัจจัยจากนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ขณะนี้ไทยยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเจรจา ในขณะที่ประเทศคู่แข่งของไทย อย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย ได้กรอบอัตราภาษีที่ชัดเจนแล้ว
ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีทรัมป์เช่นกัน รวมถึงปริมาณรถยนต์ใช้แล้วในตลาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปลายน้ำ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและหากลยุทธ์ใหม่ นอกจากนี้ประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสังคมผู้สูงอายุและทิศทางของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลต่อการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภูมิภาค และการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์อีวี สร้างความท้าทายให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว ทั้งการประเมินมูลค่า การซ่อมบำรุง และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

“เมื่อปีที่แล้วเราได้สูญเสียอันดับ 2 ในอาเซียน ให้กับมาเลเซียไปแล้ว ซึ่งอันดับหนึ่งแน่นอนก็คืออินโดนีเซีย ซึ่งปีนี้ก็มีการคาดการณ์ว่าไทยอาจจะแพ้ฟิลิปปินส์ เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจะมีคำถามว่าไทยยังเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคของอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่หรือเปล่า” นายวิสุทธิ์ กล่าว
จากแนวโน้มของตลาดรถยนต์มือสองที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาคมได้จัดทำนโยบาย กำหนดมาตรฐานคุณภาพ เพื่อให้เป็นมาตรฐานกลางของอุตสาหกรรม การตรวจสอบคุณภาพของรถยนต์ และจัดเกรดรถยนต์ก่อนจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการร่วมกับพาร์ทเนอร์ไปแล้วบางส่วน รวมถึงการพัฒนาหลักสูตร และจัดอบรมเพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพให้กับอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับอุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว ซึ่งจะต้องมีการขับเคลื่อนไป ด้วยกันทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ใช้แล้ว ตลอดจนอุตสาหกรรมยายนต์ของไทยฟื้นตัวและสามารถแข่งขันต่อไปได้. -516-สำนักข่าวไทย