รวบ 2 สาวแสบหลอกขายรถยนต์มือสอง

14 พ.ค.- ชุดลาดตระเวนออนไลน์ PCT 5 และนักสืบ 5 G จับกุม 2 สาวแสบหลอกขายรถยนต์มือสอง เหยื่อไปรับรถไม่พบเต็นท์รถตามที่โพสต์ พบเพียงบ้านร้าง ผู้เสียหายจำนวนหลายราย


ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้มีความพร้อมในการรับมืออาชญากรรม ที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วภายใต้ยุค 5G และให้กวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 และนักสืบ 5 G สืบ ภาค 2ได้รับแจ้งจาก ผู้เสียหายกำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนย่านดินแดง ได้ใช้เฟซบุ๊คค้นหารถยนต์กระบะมือสองเพื่อนำมาใช้ทำงานเสริมในช่วงโควิด-19 ระบาด พบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Zeemoto Thenocar” ได้โฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊ก แบบสาธารณะ ว่า“รับจัดหารถยนต์,ซื้อ,ขายรถมือสอง ราคาพ่อค้า ราคาส่งเต้น” พร้อมกับมีภาพรถยนต์ประกอบให้ดู เหยื่อสนใจรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีเทา ประกาศขายในราคา 140,000 บาท จึงติดต่อขอจ่ายเงินค่ามัดจำก่อน 10,000 บาท และวันรับรถเดินทางไปที่เต้นท์รถยนต์ดังกล่าวที่โพลต์ไว้ ปรากฏว่าพบเป็นบ้านร้างไม่มีคนพักอาศัย แทบเป็นลม จึงรายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ PCT ( ผอ.ศอปส.ตร.) ทราบได้สั่งการให้พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนและจับกุมคนร้ายโดยใช้งานนักสืบ 5 G ตามโครงการของ ผบ.ตร.เป็นตัวหลักในการสืบสวน

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอปส.ตร. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ หาญแท้ รอง ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส. ภ.2 ร.ต.อ.ภัสส์กร เฉลียวบุญ ร.ต.อ.วุฒินันต์ คงดี, ร.ต.อ.ปรมา ปราณี ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ 5 ศปอส.ตร. และ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง พ.ต.ต.ประวิทย์ กองชุมพล สว.สส.สน.ดินแดง ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว


  1. น.ส.ปัทมา อายุ 26 ปี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 894/2565 ลงวันที่ 9 พ.ค. 2565 จับกุมได้ที่บ้าน ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 เวลาประมาณ 15.00 น. พบของกลางโทรศัพท์และสมุดบัญชีธนาคารอีก 3 บัญชี
  2. นางสาวชยาภา 19 ปี อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 893/2565 ลงวันที่ 9 พ.ค. 2565 จับกุมได้ที่ตำบลแหลมงอบ อำเภอแหลมงอบ จ.ตราด พบของกลางโทรศัพท์ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565 เวลาประมาณ 21.30 น. โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”

พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 15.00 น.ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ที่โรงเรียนอาชีวะย่านดินแดง ได้ใช้เฟซบุ๊ก ค้นหารถยนต์กระบะมือสองเพื่อนำมาใช้งานพบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Zeemoto Thenocar” และไอดีไลน์ “tcar168” ได้โฆษณาผ่านทางเฟซบุ๊ก แบบสาธารณะ ว่า“รับจัดหารถยนต์,ซื้อ,ขายรถมือสอง ราคาพ่อค้า ราคาส่งเต้น” พร้อมกับมีภาพรถยนต์ประกอบให้ดู ผู้เสียหายเห็น มีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก สีเทา ทะเบียน มหาสารคาม ประกาศขายในราคา 140,000 บาท สนใจจึงติดต่อ ขอต่อรองราคาจนฝ่ายผู้ขายลดราคาให้คงเหลือ 110,000 บาท โดยฝ่ายผู้ขายให้จ่ายเงินค่ามัดจำก่อน 10,000 บาท ที่เหลือ 100,000 บาท ให้จ่ายที่เต้นท์ในวันรับรถ ผู้เสียหายซึ่งได้แอดไลน์เป็นเพื่อนผ่านไอดีไลน์ดังกล่าวแล้ว โดยผู้ขายให้พิกัดที่ตั้งของเต้นท์ขายรถยนต์ดังกล่าวคือ 130/100 ซอยหมู่บ้านเคหะชุมชนระยอง ต.ทับมา อ.เมือง จว.ระยอง โดยให้โอนเงินค่ามัดจำเข้าบัญชีธนาคารผู้เสียหายหลงเชื่อตามที่มีการโฆษณาขายรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาเวลาประมาณ 15.12 น.ของวันเดียวกัน จึงโอนเงินจำนวน 10,000 บาท จากบัญชีเงินฝาก ของผู้เสียหายผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคารจากโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายเข้าบัญชีดังกล่าว เมื่อโอนเงินเสร็จแล้วก็ส่งสลิปการโอนเงินให้กับฝ่ายผู้ขายทางไลน์ โดยผู้เสียหายได้แจ้งกับฝ่ายผู้ขายว่า จะไปรับรถยนต์คันดังกล่าวในวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2565 ฝ่ายผู้ขายรับทราบ โดยให้ผู้เสียหายไปตามสถานที่ที่แชร์ที่ตั้งให้กับผู้เสียหายไว้ดังกล่าว ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2565 ผู้เสียหายกับภรรยาได้เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปที่ จว.ระยอง เมื่อไปถึงบริเวณพิกัดที่ฝ่ายผู้ขายให้ไว้คือ 130/100 ซอยหมู่บ้านเคหะชุมชนระยอง ต.ทับมา อ.เมือง จว.ระยอง ปรากฏว่า ไม่มีเต้นท์รถยนต์แต่อย่างใด เป็นห้องเช่าสภาพเก่า บ้านปิดไว้ มีใบไม้รกหน้าบ้าน ไม่มีผู้อยู่อาศัย จึงโทรศัพท์หาฝ่ายผู้ขาย ปรากฏว่าโทรติด แต่ไม่มีผู้รับสาย จากนั้นฝ่ายผู้ขายก็ปิดเครื่องไป ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายได้สอบถามร้านขายของชำบริเวณดังกล่าว จึงทราบว่า บ้านดังกล่าวไม่มีผู้อยู่อาศัย ในวันเดียวกันนั้นได้มีผู้คนมาสอบถามเหมือนกันกับผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน น่าจะถูกหลอกเหมือนกัน ผู้เสียหายกับภรรยาจึงทราบว่า ถูกหลอกให้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจนต้องสูญเงินไป 10,000 บาท จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดินแดง ซึ่งเป็นท้องที่ที่ผู้เสียหาย โอนเงินให้กับคนร้าย ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์และมอบคดีให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด พร้อมขอความช่วยเหลือกับชุดลาดตะเวนออนไลน์สืบภาค 2 และ PCT 5

จากการสอบถามเบื้องต้นนางสาวปัทมาฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่น.ส.ปัทมาฯยอมรับว่าเป็นผู้ใช้บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการหลอกขายเอาเงินมัดจำจริง ส่วน น.ส.ชยาภาฯ ให้การยอมรับว่าได้ รับจ้างเปิดบัญชีจากบุคคลอื่นเพื่อนำไปทำธุรกรรมต่างๆ จริง ซึ่งสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่รวบรวมไว้ โดยแบ่งหน้าที่กันทำ จึงนำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 /หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 กล่าวว่า “ช่วงนี้มีคดีหลอกขายสินค้าต่างๆ ผ่านทางออนไลน์ระบาดอย่างหนัก จึงระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ให้สิ้นซาก และต้องอยู่ไม่เป็นสุขตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เพราะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน และผมอยากฝากถึงผู้กระทำความผิดว่าไม่มีทางรอดจากการถูกจับกุม ยิ่งโกงเยอะเท่าไร ยิ่งติดคุกนานเท่านั้น” .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]