“พิชัย” ยันไปเจรจาสหรัฐแน่ รับส่งออกข้าวไทยไม่เหมือนเดิม ชาวนาโอดขาดทุนแล้ว

ก.พาณิชย์ 21 เม.ย.-“พิชัย” รมว.พาณิชย์ ยืนยันไปสหรัฐแน่นอน เชื่อเจรจาได้ รับส่งออกข้าวไทยคงไม่เหมือนเดิม ตั้งเป้าปี 68 ส่งออก 7.5 ล้านตัน ด้านเอกชนเผยช่วงชะลอมาตรการขึ้นภาษีทรัมป์ 90 วัน ข้าวไทยเร่งส่งออกเพิ่มขึ้น20% ขณะที่สมาคมชาวนาวอนเร่งจ่ายไร่ละพันช่วยข้าวนาปรัง โอดตอนนี้ขาดทุนแล้ว

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมข้าวไทยว่า ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ครั้งที่ 10 ในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นเวทีเชื่อมโยงระหว่างผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และเกษตรกรไทย ทั้งนี้อยากเห็นความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยดีขึ้นควบคู่กับคุณภาพข้าวที่เพิ่มขึ้น เมื่อเดินทางไปประเทศไหน ทุกคนก็พูดถึงข้าวไทย แม้ราคาจะสูงกว่า แต่คุณภาพข้าวหอมมะลิไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ดังนั้น ต้องทำให้ข้าวขาวมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน พร้อมมองหาตลาดใหม่ๆเช่น ทวีปแอฟริกา ที่สามารถเจรจาขายข้าวไทยได้มากกว่า 400,000 ตัน ซึ่งมีศักยภาพและประชากรจำนวนมาก


แม้จะได้รับผลกระทบจากการที่อินเดียกลับมาส่งออกข้าวและลดราคาค่อนข้างมาก แต่ต้องทำให้ข้าวไทยแตกต่าง มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว เพื่อรักษาราคา และสร้างภาพจำให้ผู้บริโภคทั่วโลก โดยภาพรวมการส่งออกไทยไตรมาสแรกยังดี โดยเดือนมกราคมขยายตัวได้ 13.6% กุมภาพันธ์ ขยายตัวได้ 14% ซึ่งเดือนมีนาคมกระทรวงพาณิชย์จะแถลงในวันที่ 24 เมษายนนี้ ยันยันได้ว่ายังขยายตัวได้เกิน 2 หลัก แต่ยอมรับว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 น่าจะมีผลต่อการส่งออก ในช่วงไตรมาส 2 โดยปีนี้ตั้งเป้าส่งออก 7.5 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ระดับ 9.95 ล้านตัน ถือเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561 สร้างรายได้กว่า 225,656 ล้านบาท (ประมาณ 6,434 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 เมษายน 2568 การส่งออกข้าวไทยอยู่ที่ 2.477 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 19.31 เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวและสภาพอากาศเอื้อต่อการเพาะปลูกในหลายประเทศ ทำให้ผลผลิตรวมสูงขึ้น ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ามีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้า

ส่วนความคืบหน้า การเดินทางไปสหรัฐฯ ยืนยันว่า จะเดินทางไปแน่นอน แต่รอการตอบรับและกำหนดจากผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์ )ก่อน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ติดต่อมาตลอด เพียงรอคิวว่าจะได้เมื่อไหร่ เชื่อว่าจะมีผลการเจรจาที่ดี และมีความสำเร็จสูง แต่จะต้องใช้ระยะเวลาบ้าง ส่วนจะเดินทางเมื่อไหร่ จะต้องรอนายพิชัย ชุณหวชิร รอฃนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้แถลงอีกครั้ง


ด้านนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า งาน TRC 2025 ปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 ราย จากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนภาครัฐ ผู้นำเข้าและผู้ส่งออก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเกษตรกรตัวแทนจากกลุ่มอาชีพภาคเกษตร โดยมีกิจกรรม รวมถึงการนำเสนอแนวทางความยั่งยืนของอุตสาหกรรมข้าวไทยที่สอดคล้องกับธีมงาน ‘Global Rice from Thai Legacy’ เพื่อสะท้อนรากฐานภูมิปัญญา วัฒนธรรม และความยั่งยืนของข้าวไทย นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออก คาดว่าจะสร้างมูลค่าคำสั่งซื้อกว่าแสนตัน หรือ 2,000 ล้านบาท พร้อมการหารือกับ Trader รายสำคัญในการขยายตลาดข้าวไทย โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง

ด้าน ร.ต.ท. เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยอมรับว่าขณะนี้สถานการณ์การค้าข้าวอาจเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค “Trump 2.0” ซึ่งอาจส่งผลถึงต้นทุนขนส่งและโครงสร้างตลาดในอนาคต มองว่า จะไม่ทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐลดลง เนื่องจากผู้บริโภคในสหรัฐเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจึงเชื่อว่าจะไม่ลดปริมาณการบริโภค ทั้งนี้ไทยส่งออกจข้าวหอมมะลิไปสหรัฐ 6 -6.5แสนต่อปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของการส่งออกข้าวไทย แต่ที่ห่วงคือต้องแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกออกข้าว อย่างเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งมีต้นทุนส่งออกถูกกว่าไทย พร้อมฝากถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการหามาตรการรับมือ เช่น การหาพันธุ์ข้าวใหม่ ที่ตรงกับความต้องการของตลาด มีผลผลิตต่อไร่สูง ต้นทุนต่ำเพื่อให้สามารถแข่งขันได้

ยอมรับว่าในช่วงชะลอการขึ้นภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าของสหรัฐ 36% เป็นเวลา 90 วัน มีการเร่งส่งออกข้าวไปยังสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณ 20% ซึ่งขณะนี้ไทยถูกเก็บภาษีนำเข้า 10% จากเดิมที่ไม่เสียภาษี โดยไตรมาส 1 ปี 2568 ส่งออกไปประมาณ 200,000 ตัน


“หากพ้นกำหนด 90 วันแล้วไทยถูกเก็บภาษี 36% ยอมรับว่าจะกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง ซึ่งต้องติดตามว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ในการค้าขายสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่แน่นอน ซึ่งวันนี้เรายังไม่รู้ว่าภาษีเราจะเป็น 10% 15% หรือ 20% และมีค่าใช้จ่ายตรงอื่นอีกหรือไม่ที่จะเพิ่มขึ้นมาทำให้การค้าขายลำบาก” นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าว

ขณะที่นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่าหลังจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวทำให้ปริมาณการส่งออกเข้าไทยหายไป 50% ราคาข้าวเปลือกความชื้น 25% ราคาลดลงมาอยู่ที่ 6,200 -7,000 บาท/ตัน เคยเจอราคาต่ำสุดที่ 5,500 บาท/ตัน ขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ 6,500 -7,000 บาท/ตัน เท่ากับว่าตอนนี้ขาดทุนแล้ว ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปรังไร่ละ 1,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งนี้ชาวนาลงทะเบียนไว้แล้วกว่า 300,000 ครอบครัว ซึ่งตนเองได้สอบถาม รมว.พาณิชย์ว่าทำไมถึงล่าช้า ได้รับคำตอบว่าขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)

“เราอยู่ไม่ได้แล้ว ยังไงก็อยู่ไม่ได้ต้นทุนการผลิตสูงอยู่แล้ว อย่างน้อยขอให้ได้ราคา 8000 บาทต่อตัน ก็สามารถอยู่ได้ เราเป็นรากหญ้าที่สร้างรายได้ให้ประเทศนับแสนล้าน แต่ทุกวันนี้นายกรัฐมนตรีไม่ลงมาดูเลยไม่เคยลงมาดูแลเกษตรกร ขอพูดตรงๆ เพราะว่าเป็นความเดือดร้อนปากท้องของพี่น้องเกษตรกร อะไรจะเกิดขึ้นผมไม่รู้ ถ้ายังเป็นแบบนี้” ปราโมทย์ กล่าว.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย