กรุงเทพฯ 13 เม.ย.- ร้านกาแฟระบุได้รับแจ้งว่าเนสกาแฟจะไม่ขาดแคลนแล้วโดยศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafe” และ “เนสกาแฟ”
เจ้าของร้านกาแฟระบุจากปัญหาขัดแย้งของผู้ผลิตเนสกาแฟจนฟ้องร้องระหว่างกันจนมีข่าวว่าเนสกาแฟจะขาดแคลนจนร้านค้าจะหายี่ห้อหรือแบรนด์อื่นมาทดแทน อย่างไรก็ตามล่าสุดเนสกาแฟแจ้งว่าจะไม่ขาดแคลนเพราะศาลคุ้มครองการจำหน่ายแต่ผู้ค้าก็ยังไม่แน่ใจก็คงจะต้องรอความชัดเจนต่อไป
ทั้งนี้วานนี้ (12 เม.ย.) น.ส.เครือวัลย์ วรุณไพจิตร ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจ เนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล ประเทศไทย ส่งหนังสือไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ เรื่อง ความคืบหน้าของสถานการณ์ธุรกิจเนสกาแฟ ระบุว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ ทป 58/2568 ได้มีคำสั่งยืนยันว่าบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้า “Nescafe” และ “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย และสามารถใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ซึ่งคำสั่งศาลนี้มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 เม.ย. 2568 ตามผลของคำสั่งข้างต้น เนสท์เล่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทีมงานของเนสท์เล่พร้อมจะให้บริการและให้ความช่วยเหลือท่านในการปรับเปลี่ยนเพื่อเข้าสู่การดำเนินงานตามปกติ
สำหรับธุรกิจกาแฟตลาดกาแฟในไทยมีมูลค่าราว 6 หมื่นล้านบาท เนสกาแฟ เป็นเจ้าตลาดครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดกาแฟในบ้านมูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท
โดยที่ผ่านมามีข้อพิพาททางกฎหมายท ระหว่าง “เนสท์เล่” บริษัท เจ้าของแบรนด์ “เนสกาแฟ” กับตระกูล “มหากิจศิริ” ซึ่งก่อตั้งบริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส จำกัด (QCP) เพื่อผลิตกาแฟ ตั้งแต่ปี 2533 โดยเนสท์เล่ได้แจ้งยุติสัญญาการให้สิทธิ QCP ผลิตเนสกาแฟในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2564 และมีผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ผู้ถือหุ้นในบริษัท QCP ได้ฟ้องศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และศาลแพ่งมีนบุรีได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามเนสท์เล่ ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา…และ
เนสท์เล่ได้แจ้งไปยังลูกค้า ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าจะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจากร้านค้าเหล่านี้ได้
เนสท์เล่ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอศาลเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบจากการห้ามเจ้าของแบรนด์และผู้ผลิต ทำการผลิตและจำหน่ายเนสกาแฟจำนวนมาก ทั้งเกษตรกร ซัพพลายเออร์ โรงงานผลิตสินค้าอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น กระป๋อง บรรจุภัณฑ์อื่นๆ ในวันที่ 11 เมษายน 2568
ขณะที่ทนายฝ่ายโจทก์ยื่นคัดค้าน ศาลจึงนัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 17 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. เพื่อพิจารณาว่าจะเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำขอของเนสทเล่หรือไม่… และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งดังกล่าววันที่11เม.ย .68 . 511.-สำนักข่าวไทย