ปัญหา Nescafe บจ.คู่แข่งได้ประโยชน์

กรุงเทพฯ 10 เม.ย. –นักวิเคราะห์คาดปัญหาตลาดกาแฟ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี บจ.ใน SET จะได้ประโยชน์จากปัญหาขัดแย้งการผลิตของ Nescafe ด้านกรมการค้าภายใน ประเมินสินค้าไม่ขาดแคลน ผู้บริโภคและร้านกาแฟปรับตัวสั่งซื้อกาแฟแบรนด์อื่นที่มีคุณภาพและมาตรฐานหลายยี่ห้อเข้ามาทดแทน


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSSIA วิเคราะห์กรณี Nestle ถูกศาลแพ่งมีนบุรีห้ามผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้า กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ Nescafe ในไทย มองเป็น sentiment บวกต่อคู่แข่ง อาทิ CBG ,SAPPE, TACC (แต่ผลบวกจริงค่อนข้างจำกัด เพราะสัดส่วนรายได้ไม่เยอะ) หลังมีข้อพิพาทกับพันธมิตรเดิม QCP ที่ได้ยุติสัญญาร่วมทุน (ถือหุ้นคนละ 50%) เมื่อ 31 ธ.ค. 67 ทั้งนี้ Nescafe ถือเป็นผู้นำในตลาดกาแฟสำเร็จรูปในไทย หากพิจารณามูลค่าตลาดกาแฟทั้งประเทศไทยราวปีละ 6 หมื่น ลบ. แบ่งเป็น กาแฟในบ้าน 3.3 หมื่นล้านบาท และกาแฟนอกบ้าน 2.7 หมื่นล้านบาท

สำหรับตลาดกาแฟในบ้าน แบ่งเป็น กาแฟ 3 in 1 (สัดส่วน 49% ของกาแฟในบ้าน) ซึ่ง Nescafe มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 มากกว่า 50%, กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม (สัดส่วน 31%) มูลค่าราว 1.4 หมื่นล้านบาท ผู้นำอันดับ 1 คือ Birdy (52%) รองมาคือ Nescafe (37%) และอันดับ 3 คือ CBG (สัดส่วนราว 2-3%), กาแฟผงสำเร็จรูป (สัดส่วน 14%) Nescafe ก็มีขายสินค้ากลุ่มนี้ ให้ร้านกาแฟต่างๆ หุ้นในตลาดที่มีรายได้ใน segment นี้คือ TACC และกาแฟสุขภาพ (6%) อันดับ 1 คือ Naturegift (30%), เพรียว (แบรนด์ของ SAPPE) สัดส่วน 20% และ Nestcafe (10%)


เบื้องต้น FSSIA มองข่าวนี้เป็น sentiment เชิงบวกต่อ บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีสัดส่วนรายได้มาจากกาแฟ อาทิ CBG (สัดส่วนรายได้ราว 2%), SAPPE และ TACC แต่ผลกระทบแท้จริงโดยรวมอาจไม่มาก เพราะสัดส่วนรายได้กาแฟของแต่ละบริษัทไม่มาก และปัจจุบัน Nestle อยู่ระหว่างชี้แจงชั้นศาล โดยระบุว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ เนสกาแฟได้ผลิตในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533-2567 ผ่าน QCP ซึ่งร่วมทุนกับตระกูลมหากิจศิริ แต่เนสท์เล่มีอำนาจในการบริหารงาน การผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการทำการตลาด ต่อมาในปี 2564 เนสท์เล่ได้แจ้งยุติสัญญาที่ให้สิทธิ QCP ในการผลิตเนสกาแฟ มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายโดยคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการสากล ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2567 แต่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องการดำเนินงานในอนาคต ทำให้เนสท์เล่ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งฯ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกการผลิตของ QCP แต่ QCP ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดี

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ระบุเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ว่าศาลแพ่งมีนบุรีได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้เนสท์เล่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เนสกาแฟ ดำเนินการผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่าย และนำเข้าผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมายการค้า Nescafé ในประเทศไทย โดย เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ในคดีที่นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ หนึ่งในผู้ถือหุ้น QCP ฟ้องดำเนินคดีแพ่งกับบริษัทในเครือเนสท์เล่ และกรรมการ จำนวน 2 คดี และขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในแต่ละคดี กรณีดังกล่าวได้ออกหนังสือแจ้งลูกค้าผู้ประกอบการร้านค้าปลีกต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าบริษัทฯ จะไม่สามารถรับคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟได้ โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบภายหลัง ในช่วงเวลาระหว่างนี้ ร้านค้าปลีกที่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟอยู่ในร้าน ยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ


เนสท์เล่มีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย ร้านกาแฟขนาดเล็ก รถเข็นขายกาแฟที่จะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟจำหน่าย และการปรับเปลี่ยนสูตรการชงและวัตถุดิบที่ใช้ ยังอาจส่งผลต่อรสชาติที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ประจำวันของผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งยังส่งผลต่อการขาดรายได้ของพนักงานของลูกค้าและคู่ค้าซัพพลายเออร์ ต้องหยุดชะงักลง รวมไปถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเกษตรกรโคนม เนื่องจากคำสั่งศาลห้ามผลิต และว่าจ้างผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย โดยทุกปีเนสกาแฟรับซื้อเมล็ดกาแฟดิบพันธุ์โรบัสต้าในปริมาณมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทั้งหมดที่ปลูกได้ประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้บริโภคในประเทศไทยและในตลาดส่งออกจะไม่มีผลิตภัณฑ์เนสกาแฟดื่ม โดยเนสท์เล่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์นี้ และกำลังดำเนินการยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวต่อศาล พร้อมยื่นข้อมูลที่ครบถ้วนแก่ศาลแพ่งมีนบุรีเพื่อการพิจารณาคำร้อง

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้ากาแฟอย่างใกล้ชิด แม้ว่ากาแฟไม่ใช่รายงานสินค้าในบัญชีควบคุม แต่เพื่อดูแลปัญหาปากท้องประชาชน กรมฯ จึงต้องตรวจสอบ มีการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปริมาณและราคากาแฟในตลาด ตรวจสอบว่ามีการกักตุนสินค้าหรือไม่ ทั้งในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงร้านจำหน่ายปลีกต่างๆ ซึ่งได้รับรายงานว่ายังมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการ และมีการจำหน่ายในราคาปกติ โดยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการประชุมหารือกับผู้ค้าปลีกค้าส่งและห้างท้องถิ่น เพื่อติดตามสตอกสินค้า ปริมาณการขาย และราคาจำหน่าย ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการค้าส่ง ระบุว่ามีการส่งของตามปกติ และไม่มีการชะลอการขายแต่อย่างใด ในส่วนของสตอกสินค้ายังมีปริมาณเพียงพอต่อการจำหน่าย และในส่วนของผู้ค้าปลีกก็ยืนยันว่ายังมีสินค้าสำหรับจำหน่าย และไม่มีการขึ้นราคา ในขณะเดียวกันมีการสั่งซื้อกาแฟแบรนด์อื่นที่มีคุณภาพและมาตรฐานหลายยี่ห้อเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งแม้กาแฟแบรนด์ดังกล่าวจะมีสัดส่วนการตลาดที่สูงกว่าแบรนด์อื่น แต่ปัจจุบันตลาดสินค้ากาแฟมีการแข่งขันสูงทั้งด้านคุณภาพและด้านราคา ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ ซึ่งจากการจำหน่าย พบว่าผู้บริโภคก็ตอบรับสินค้าในแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้น. -511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แทงหนุ่มวิศวะ

จับได้แล้ว! เยาวชน 16 ปีมือแทงหนุ่มวิศวะดับชิงเสื้อช็อป

รวบ 3 โจ๋แทงหนุ่มวิศวะปี 4 ดับสลดขโมยเสื้อช็อป พร้อมยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ มือแทงสารภาพอ้างอารมณ์ชั่ววูบ อยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย บอกจะบวชให้หลังออกคุก

สธ.มอบฟันเทียม 45,000 ราย เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ

13 เมษายน วันผู้สูงอายุแห่งชาติ สธ.เปิดโครงการ “รอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัย 2568” มอบฟันเทียม 45,000 ราย ส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วัยรุ่นรุมแทง นศ.วิศวะดับ ปล้นเสื้อช็อป-มือถือ

ตำรวจไล่เช็กวงจรปิดตามล่าแก๊งโจ๋นับสิบ หลังก่อเหตุสลด! รุมแทงนักศึกษาวิศวะเสียชีวิต ขณะขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ก่อนปล้นเอาเสื้อช็อปและมือถือหลบหนี

ค้นที่พักไฮโซเก๊ พบรูปภาพ-ชุดขาวประดับเครื่องหมายจัดเต็ม

ตำรวจกองปราบปรามขยายผลเพิ่ม ออกหมายจับไฮโซเก๊ อายัดตัวจากเรือนจำตรวจค้นที่พัก พบรูปภาพและชุดขาวประดับเครื่องหมายต่างๆ จัดเต็ม

ข่าวแนะนำ

เตือนระวังพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนโดยทั่วไปในภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคเหนือ เตือนระวังพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

อดีตนายกฯมาเลเซีย

นายกฯ แสดงความเสียใจ อดีตนายกฯ มาเลเซีย ถึงแก่อสัญกรรม

นายกฯ แพทองธาร แสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรม ของ อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย