KKP วิเคราะห์ GMT กระทบไทยไม่มาก แนะรัฐคว้าเป็นโอกาสอัดฉีดขีดความสามารถประเทศ

กรุงเทพฯ 10 ก.พ.-KKP วิเคราะห์ผลกระทบ Global Minimum Tax ต่อไทยไม่มาก แต่ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย โดยเฉพาะการแข่งขันภาคการส่งออก แนะรัฐคว้าเป็นโอกาสอัดฉีดขีดความสามารถประเทศ

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวถึงกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก หรือ Global Minimum Tax (GMT) 15% ต่อประเทศไทย มองว่าผลกระทบอาจมีไม่มาก เนื่องจากไทยยังมีปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากภาษีดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน รวมทั้งอัตราภาษีนิติบุคคลและสิทธิประโยชน์ทางภาษีของไทยก็ไม่ได้แตกต่างจากประเทศคู่แข่งมากนักอย่างไรก็ตาม แม้ผลกระทบจะจำกัด แต่ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายโดยเฉพาะภาคการส่งออก ไทยจึงควรเร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยแบ่งสรรรายได้ภาษีที่รัฐจะจัดเก็บได้เพิ่มขึ้น มาลงทุนกับนโยบายระยะยาวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน


แนวคิดเรื่อง Global Minimum Tax (GMT) ริเริ่มโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อบรรเทาปัญหาการแข่งขันลดอัตราภาษีนิติบุคคล ที่หลายประเทศต่างพยายามจูงใจดึงเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ (FDI) ผ่านอัตราภาษีที่ต่ำ นำไปสู่การหลบเลี่ยงภาษีของธุรกิจที่มักโยกย้ายกำไรไปบันทึกในดินแดนภาษีต่ำ (tax haven) แทน ทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จำนวนมาก

โดยหลักการและกรอบความคิดของกฎเกณฑ์ภาษีรูปแบบใหม่นี้ จะบังคับใช้กับกลุ่มบริษัทข้ามชาติ (MNEs) ที่มีรายได้รวมทั่วโลกมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปีอย่างน้อย 2 ใน 4 รอบปีบัญชี ซึ่งหาก MNEs นั้นมีการเสียภาษีในประเทศใดต่ำกว่า 15% จะต้องถูกเก็บภาษีส่วนเพิ่มเพื่อให้ถึงระดับ 15%


สำหรับประเทศไทย มีการบังคับใช้พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยผลกระทบต่อไทยอาจแบ่งได้เป็น 2 ระดับด้วยกัน คือ ระดับ micro กลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ของไทยที่มีการไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากประเทศต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งในไทยเอง อาจต้องเผชิญกับต้นทุนการทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ในระดับ macro นั้น เนื่องจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับ MNEs ของต่างประเทศที่มาลงทุนในไทย ทำให้ MNEs เหล่านั้นต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความน่าสนใจของการมาลงทุนในไทยนั้นลดทอนลงบ้าง

อย่างไรก็ตาม KKP Research คาดว่าผลกระทบของการบังคับใช้กฎเกณฑ์ GMT ต่อแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทยจะมีไม่มาก เนื่องจากเหตุผล 3 ประการด้วยกัน

ประการแรก อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของไทยและประเทศคู่แข่งมีความใกล้เคียงและไม่ได้แตกต่างกันมาก อัตราภาษีในไทยที่ 20% ถือว่าใกล้เคียงกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ที่ 17-25% นอกจากนี้ นโยบายต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศนำมาใช้เพื่อดึงดูด FDI ก็มีความคล้ายคลึงกัน
ประการที่สอง ปัจจัยที่ดึงดูด FDI ของไทยไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพียงอย่างเดียว แต่มีอีกหลายปัจจัยที่ล้วนแล้วมีบทบาทที่สำคัญยิ่งกว่า อาทิ โครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย ระบบสาธารณูปโภคที่ดี ห่วงโซ่อุปทานที่ครบครัน ทักษะของแรงงานและค่าจ้างที่สมเหตุสมผล เสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ


ประการสุดท้าย รัฐบาลจะมีการออกนโยบายมาลดทอนผลกระทบเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วยการขยายระยะเวลาสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% นานขึ้น 2 เท่า แต่ไม่เกิน 10 ปี และการนำเงินรายได้ภาษีที่รัฐจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นประมาณ 50-70% ไปสมทบกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ BOI สามารถนำไปใช้ดำเนินมาตรการอื่นเพิ่มเติมเพื่อลดทอนค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทข้ามชาติได้

ถึงแม้ว่าการปฏิรูปกฎเกณฑ์ทางภาษีระดับโลกนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อไทยไม่มาก แต่ปัจจุบันภาคการผลิตของไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการแข่งขันที่สินค้าส่งออกหลักของไทยในอดีตเริ่มไม่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกอีกต่อไป ด้วยกระแสเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว สอดคล้องกับตัวเลข FDI ของไทยที่เสียส่วนแบ่งให้กับประเทศคู่แข่งมากขึ้น ดังนั้น ถึงแม้ว่าการออกมาตรการมาลดทอนผลกระทบให้กับบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนในไทยอาจมีความสำคัญในระยะสั้น แต่การแบ่งสรรทรัพยากรและรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มมาลงทุนกับนโยบายระยะยาวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศจะยิ่งมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับเปลี่ยนทักษะแรงงานให้เท่าทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และตรงกับความต้องการของโลกยุคปัจจุบัน จะช่วยให้การลงทุนจากต่างประเทศสร้างมูลค่าและประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจไทยได้มากขึ้น.-516.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

Thailand-Cambodia begin talk in Malaysia

เปิดฉากเจรจาไทย-กัมพูชาที่มาเลเซีย

ปุตราจายา 28 ก.ค.- สื่อทางการมาเลเซียรายงานว่า การประชุมพิเศษระหว่างไทยกับกัมพูชาเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทันทีและยุติความเป็นปรปักษ์ตามแนวพรมแดนที่มีปัญหา ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วที่เมืองปุตราจายา เว็บไซต์สำนักข่าวเบอร์นามารายงานว่า การประชุมพิเศษจัดขึ้นโดยมาเลเซียและนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ในฐานะประธานวาระปัจจุบันของสมาคมประชาชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN) เพื่อลดความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มขึ้น และฟื้นฟูเสถียรภาพให้แก่พื้นที่ตามแนวชายแดน เบอร์นามารายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทยเดินทางถึงทำเนียบ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมพิเศษ และเป็นบ้านพักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในเมืองปุตราจายา ศูนย์กลางการปกครองของมาเลเซียเมื่อเวลา 14.51 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง จากนั้นไม่นานนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเดินทางตามมา โดยมีนายกรัฐมนตรีอันวาร์ให้การต้อนรับบุคคลทั้งสอง นอกจากนี้ยังมีนายเอ็ดการ์ด เคแกน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำมาเลเซียและนายโอวหยาง ยู่จิ้ง เอกอัครราชทูตจีนประจำมาเลเซียเข้าร่วมการประชุมด้วยในฐานะผู้ร่วมอำนวยความสะดวก.-814.-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยบึ้มเสาสัญญาณเครือข่าย smart

ศรีสะเกษ 28 ก.ค.-เปิดภาพทหารไทยบึ้มเสาสัญญาณเครือข่าย smart ใช้โดรนทิ้งบอมบ์ที่ตั้งทางทหารกัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ได้ทั้งหมด และมีการทำลายกระเช้าและบันได ที่ทหารกัมพูชาใช้เป็นเส้นทางในการขึ้นมาบนภูมะเขือ ล่าสุดทหารไทยใช้ระเบิดทำลายเสาสัญญาณเครือข่าย smart ของกัมพูชาบนยอดภูมะเขือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ กองทัพบก ยังเผยแพร่คลิปการใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชา บริเวณด้านล่างภูมะเขือ.-313.-สำนักข่าวไทย

บุกยิงกลางตลาด อ.ต.ก.จตุจักร ตาย 6 เจ็บ 2

กทม. 28 ก.ค. – คนร้ายบุกยิงในตลาด อ.ต.ก. จตุจักร ก่อนจบชีวิตตัวเอง เสียชีวิตรวม 6 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันนี้ (28 ก.ค.68) เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในตลาด อ.ต.ก.จตุจักร จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าคนร้ายชื่อนายน้อย อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของแผงขายสินค้าในตลาด อ.ต.ก. ก่อเหตุจ่อยิงศีรษะ รปภ. 4 คน และแม่ค้า 2 คน ก่อนจบชีวิตตัวเอง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่พุ่งเป้าเรื่องความขัดแย้ง .-สำนักข่าวไทย

วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ปะทะหนักแต่เช้ามืด

สุรินทร์ 28 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 5 ชายแดนสุรินทร์ กัมพูชาเปิดฉากปะทะหนักตั้งแต่เช้ามืด โดยเฉพาะโซนปราสาทตาควาย ด้านทีมข่าวลงพื้นที่ ต.บักได พบกระสุน BM-21 ตกจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกิน 40 ลูก ขณะที่ศูนย์พักพิง ชาวบ้านยังมีปัญหาการหลับนอน และยังต้องการสิ่งของบริจาคจำนวนมาก ทีมข่าวลงพื้นที่ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ มีกระสุน BM 21 มาตกในพื้นที่เป็นจำนวนมาก บางหมู่บ้านเกินกว่า 40 ลูก แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวบ้าน แต่สถานการณ์การปะทะ ที่เข้าสู่วันที่ 5 ทำให้วัวตายไปหลายตัว ส่วนใหญ่ตกในพื้นที่ทางการเกษตร โดยวันนี้พบว่า มีการเปิดฉากยิงปะทะกันด้วยอาวุธหนักตั้งแต่ช่วงเวลาตี 3 และมีเสียงดังอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ เว้นระยะบ้าง เสียงรัวถี่บ้าง สลับกันไป โดยเฉพาะช่วง 10 โมงครึ่งที่ผ่านมา มีการปะทะกันชุดใหญ่เกินครึ่งชั่วโมง ทำให้เครื่องบินรบ F 16 ต้องขึ้นบินถล่ม เมื่อ 11 โมงเศษที่ผ่านมา สองแนวหลักที่ยิงข้ามมาเป็นประจำคือ […]