Fitch Ratings คงอันดับไทย BBB+

Fitch Ratings

กรุงเทพฯ 9 พ.ย.- Fitch Ratings คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย BBB+ และคงมุมมองมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) คาดจีดีพีไทยโต 3.1% ในปี 68


นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings (Fitch) คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ณ ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการบริหารหนี้สาธารณะดังนี้

Fitch คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องโตจาก 2.6% ในปี 2567 เพิ่มเป็น 3.1% ในปี 2568 ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2568 นักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามา อยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ


ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสำคัญ อีกทั้งกรอบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคยังมีความเข้มแข็งในการรับมือกับความท้าทาย อาทิ รายได้ต่อหัว และดัชนีธรรมาภิบาล (World Governance Indicators: WGI) เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (Peers) อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอาจทำให้มุมมองความเสี่ยงทางการคลังในระยะปานกลางเพิ่มขึ้นได้

ภาคการคลังยังคงมีเสถียรภาพ แม้รัฐบาลจะยังคงดำเนินนโยบายขาดดุล โดยปี 2568 จะขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ Peers ที่ 3.2% ขณะที่รัฐบาลพยายามปรับลดการขาดดุลงบประมาณเพื่อเข้าสู่สมดุลทางการคลัง (Fiscal Consolidation) อันจะมีผลให้ระดับหนี้สาธารณะปรับเข้าสู่ระดับมีเสถียรภาพใกล้เคียงกับค่ากลางของ Peers ในระยะต่อไป

ในส่วนของหนี้ภาครัฐบาล (General Government Debt) ซึ่งครอบคลุมหนี้ที่รัฐบาล กู้โดยตรง กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลรับภาระ หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 61.2% ของ GDP ภายในปี 2569 และจะยังคงอยู่ในระดับดังกล่าวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งสะท้อนถึงการปรับลดงบประมาณรายจ่ายแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากปี 2568


กรณีหนี้สาธารณะของประเทศไทยซึ่งครอบคลุม หนี้ที่กระทรวงการคลัง หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจกู้ หรือกระทรวงการคลังค้ำประกันมีอายุเฉลี่ยยาวและต้นทุนดอกเบี้ยต่ำมีส่วนช่วยสนับสนุนการสร้างเสถียรภาพทางการคลังในระยะปานกลาง อีกทั้งรัฐบาลสามารถระดมทุนด้วยต้นทุนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับ Peers เนื่องจากตลาดการเงินภายในประเทศเอื้ออำนวยและมีการบริหารการคลังที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ปี 2567 คาดว่าจะอยูที่ 6% ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางของ Peers ที่ 9%

ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) แข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2.1% ในปี 2567 เป็น 2.9% ในปี 2568 อีกทั้งทุนสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูงกว่า 7.4 เดือน ขณะที่ค่ากลางของ Peers อยู่ที่ 5.6 เดือน นอกจากนี้ ประเทศไทยจะยังคงรักษาสถานะเจ้าหนี้ต่างประเทศสุทธิ (Large Net External Creditor) ทั้งระดับประเทศ (Sovereign) และระดับเศรษฐกิจโดยรวม (Economic – Wide Basis) ปี 2568 ที่ระดับ 36.9% และ 43.0% ของ GDP ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ BBB และ A

ปัจจัยสำคัญที่ Fitch จะติดตามและพิจารณาอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย อาทิ ความสามารถในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะปานกลาง การลดลงของสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Debt/GDP) อย่างมีนัยสำคัญ ความผันผวนทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ และการปรับตัวทางการคลังล่าช้ากว่าที่คาดการณ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำชับให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะติดตามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจและการบริหารหนี้สาธารณะ โดยเฉพาะการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ.-515 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

Building after collapses in Myanmar in front of monk's eye

แผ่นดินไหวทำตึกเมียนมาถล่ม-ยอดตายเกินพันแล้ว

มัณฑะเลย์ 29 มี.ค.- แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อวานนี้ ทำให้อาคารหลังหนึ่งถล่มต่อหน้าต่อตากลุ่มพระสงฆ์ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเมียนมาจนถึงขณะนี้เกิน 1,000 คนแล้ว คลิปภาพที่ผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกไว้ได้ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมา และอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวบนบกที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ เห็นกลุ่มพระสงฆ์รวมตัวกันอยู่บนถนนใกล้อาคารหลังหนึ่งที่ค่อย ๆ เสียการทรงตัว ก่อนพังถล่มลงไปทั้งหลังต่อหน้าต่อตา ทำให้เกิดกลุ่มควันขนาดใหญ่ฟุ้งกระจาย รอยเตอร์รายงานเมื่อเวลา 13:00 น.วันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลเมียนมาแถลงล่าสุดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวเพิ่มเป็น 1,002 คนแล้ว ขณะที่สำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐหรือยูเอสจีเอส ซึ่งแจ้งขนาดแผ่นดินไหวไว้ที่ 7.7 และมีศูนย์กลางลึกเพียง 10 กิโลเมตรประเมินจากแบบจำลองการคาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจจะเกิน 10,000 คน.-814.-สำนักข่าวไทย  

สาเหตุตึกถล่ม

นายกฯ เร่งกรมโยธาดูสาเหตุตึกถล่ม-หาทางแก้

นายกฯ รับรายงายสถานการณ์แผ่นดินไหว เร่งกรมโยธาดูสาเหตุ-หาทางแก้ตึกถล่ม ย้ำ ปชช. มั่นใจได้ เหตุแผ่นดินไหวตอนนี้ไม่กระทบไทยแล้ว เตรียมออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป

กรมอุตุฯ เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน กระทบ​ 53 จังหวัด​

กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ 7 เตือนเฝ้า​ระวัง​พายุฤดูร้อน​ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก มีผลกระทบ​ 53 จังหวัด​ ระหว่าง​ 29​ มี.ค.-1 เม.ย.68​