กรุงเทพฯ 4 ก.ย.- บีโอไอร่วมมือจุฬาฯ ดึงงานวิจัยไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
พร้อมดึงวว.ร่วมสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยสู่นักลงทุน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือระหว่าง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและบีโอไอกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(วว.)โดยการลงนามกับจุฬาฯ
เป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นเพื่อผลักดันงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
ซึ่งบีโอไอเน้นที่กลุ่มผู้ประกอบการในสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย หรือไทย
ซับคอน(Thai Subcon) ที่ทำงานร่วมกับหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี
หรือหน่วย BUILD
ของบีโอไอ
ก่อนจะขยายไปยังเอกชนกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงกิจการของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ส่วนการลงนามความร่วมมือระหว่างบีโอไอ
กับวว.นั้น เป็นความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บุคลากรทักษะสูง(Strategic Talent Center : STC) นับเป็นหน่วยงานที่
6 ที่ร่วมมือกับบีโอไอ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงฐานข้อมูลบุคลากรทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกันและมีบริการรับรองคุณสมบัติหรือความเชี่ยวชาญเพื่อให้บริการแก่ภาคเอกชนที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน
นอกจากนี้
จุฬาฯ และบีโอไอยังมีแผนขยายการเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง
ผ่านการทำงานของศูนย์ STC เพื่อรองรับความต้องการงานวิจัยของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศที่กำลังเติบโต
ซึ่งมั่นใจว่าจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับผลงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อาทิ อุปกรณ์ตรวจจับการทำงานของร่างกายมนุษย์ (Biosensors) การพัฒนาเทคนิคการผลิตกระดูกไทเทเนียมด้วยเทคโนโลยี
3D Printing และ CT Scan การผลิตอุปกรณ์ร่างกายเทียมสำหรับผู้สูงวัยและผู้พิการ
เช่น กระดูกสะโพกเทียม หัวเข่าเทียม การพัฒนาเข็มฉีดยา
และท่อระบายน้ำในดวงตาขนาดเล็ก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับนาโน
เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย
และการพัฒนาเทคนิคการสร้างชีววัสดุจากสารสกัดโปรตีนในไหมเพื่อนำไปใช้รักษาและซ่อมแซมบาดแผล
หรือกระดูก โดยเมื่อแผลหรืออาการบาดเจ็บดีขึ้นแล้ว
ชีววัสดุดังกล่าวจะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์
อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวว่า ในเบื้องต้น ทางจุฬาฯ
เตรียมนำ 4 บริษัทลูกที่ตั้งขึ้นมาเพื่อนำงานวิจัยของจุฬาฯ
ไปสู่เชิงพาณิชย์เข้าประเดิมก่อน ได้แก่ บริษัทเมอติกคูรี่ บริษัทไทยทาเนี่ยมโบน
บริษัท จุ๊ยอินโนเอท และบริษัทเบียร์บัส โดยจะหารือกับ บีโอไอ เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ที่มีวงเงิน 10,000 ล้านบาท
ที่บีโอไอดูแลต่อไป-สำนักข่าวไทย
