5 เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น IPO ก่อนลงทุน

31 พ.ค. – 5 เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น IPO ก่อนลงทุน โดย ภัทรธร ช่อวิชิต AISA นักลงทุนเน้นคุณค่า

หากนักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงตั้งแต่เริ่มต้นผ่านการซื้อหุ้น IPO ย่อมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากราคาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้น แต่เนื่องจากหุ้น IPO ยังมีข้อมูลที่อาจจำกัด ก่อนซื้อหุ้นจึงควรวิเคราะห์ให้รัดกุม ทั้งปัจจัยพื้นฐาน ความเสี่ยง แนวโน้มการเติบโตในอนาคต คู่แข่ง รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้น และตัดสินใจลงทุนด้วยความระมัดระวัง


ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจหุ้น IPO (หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป : IPO) หรือเรียกว่า หุ้นน้องใหม่ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวิธีการวิเคราะห์หุ้น IPO ก็ไม่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งมีเคล็ดลับ ดังนี้

1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของหุ้น IPO

    การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งแสดงข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น นโยบายและภาพรวมการประกอบธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โครงการในอนาคต ผลการดำเนินงาน ข้อมูลสำคัญทางการเงินและการวิเคราะห์แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต หรือข้อมูลการจอง จัดจำหน่าย และการจัดสรรหุ้น เป็นต้น จึงเป็นเอกสารสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลหุ้น IPO ก่อนลงทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถดูข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต.


    นอกจากข้อมูลหนังสือชี้ชวนแล้ว ยังต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเว็บไซต์ของบริษัท เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน (Roadshow) เพื่อนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้น และข่าวสารจากสำนักข่าวต่าง ๆ อีกด้วย

    2. วิเคราะห์ธุรกิจและการแข่งขัน

      ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้น IPO ควรเข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ให้ลึกซึ้ง โดยดูข้อมูลจาก “โครงสร้างและการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท” เริ่มต้นจากการอ่านข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น ประวัติการก่อตั้ง การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการสำคัญ วิสัยทัศน์ โครงสร้างรายได้ เป็นต้น


      จากนั้นให้พิจารณาข้อมูลอุตสาหกรรมและการแข่งขัน เพื่อทำความเข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจ คู่แข่ง การเติบโตของอุตสาหกรรมในปัจจุบันและอนาคต โดยนำข้อมูลและตัวเลขมาประมาณการรายได้เพื่อนำไปประมาณการกระแสเงินสดที่จะได้รับในอนาคตสำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น

      3. วิเคราะห์งบการเงิน

        เริ่มต้นจาก “ข้อมูลสรุป (Executive Summary)” และเข้าไปดูรายละเอียดที่ “การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A)” ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารต่อผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงินที่มีนัยสำคัญในงบการเงินงวดที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ แนวโน้มที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

        นอกจากการอ่านงบการเงินสำหรับหุ้น IPO เพื่อตรวจสอบสุขภาพการเงินแล้ว ยังสามารถประเมินได้ว่ามีโอกาสเป็น “หุ้นเติบโต” หรือ “หุ้นปันผล” หากบริษัทมีนโยบายระดมทุนเพื่อนำไปเร่งขยายธุรกิจ จะพบว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) จะอยู่ในระดับสูง (เช่น 20 – 30 เท่า) และยอดขายและกำไรจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และหากต้องการดูว่าบริษัทนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนโครงการใด ให้ดูข้อมูล “โครงการในอนาคต”

        สำหรับบริษัทที่มีลักษณะเป็นหุ้นปันผล ก่อนเข้าซื้อขายในกระดาน จะพบว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการลงทุนก็เป็นเพียงขยายตามอุตสาหกรรม และ D/E Ratio จะอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก

        4. คาดการณ์การเติบโตจากโครงการในอนาคต

          ข้อมูล “โครงการในอนาคต” จะอธิบายว่าบริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปทำอะไรบ้าง หากนำไปขยายธุรกิจ (เช่น สร้างโรงงานแห่งใหม่) และนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน ต้องสะท้อนให้เห็นได้ว่านำไปลงทุนขยายธุรกิจ จากนั้นก็ต้องติดตามข้อมูลว่า บริษัทจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มสร้างรายได้เมื่อไหร่

          หากบริษัทนำเงินที่ระดมทุนไปใช้หนี้ หากเป็นหนี้สินที่กู้มาเพื่อขยายโรงงานก่อนเข้าจดทะเบียนก็ไม่มีปัญหา เพราะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะปรับลดลงในไตรมาสถัดไป ผลลัพธ์ คือ กำไรจะเพิ่มขึ้น D/E Ratio ลดลง ในทางกลับกัน หากช่วงก่อนจดทะเบียน บริษัทไม่มีการขยายธุรกิจ สินทรัพย์เท่าเดิม ขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น แต่กำไรสะสมลดลง ที่สำคัญข้อมูล “โครงการในอนาคต” ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่านำเงินไปลงทุนอะไร นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น

          5. คำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสม

            ราคาหุ้น IPO ที่เหมาะสม สามารถดูจาก P/E Ratio ปัจจุบัน โดยพิจารณาในข้อมูลสรุป (Executive Summary) โดยคำนวณจากกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาสหารด้วยจำนวนหุ้นหลัง IPO หากหุ้นที่มีการเติบโตมักจะขายราคา IPO ในราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น นักลงทุนต้องทำการบ้านเรื่องการเติบโตในอนาคตว่าบริษัทจะเติบโตจากปัจจัยอะไรบ้างและยาวนานแค่ไหน (สามารถใช้ข้อมูลบทวิเคราะห์เข้ามาประกอบด้วย)

            ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า การประเมินมูลค่าธุรกิจทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและข้อมูลที่มี เช่น เปรียบเทียบราคา IPO กับ มูลค่าตามบัญชี (P/BV) หรือกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ของบริษัท แล้วนำมาเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดราคา IPO โดยบางครั้งบริษัทอาจตั้งราคาจองซื้อ IPO สูงเกินไป ทำให้นักลงทุนไม่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือประเมินมูลค่ากิจการเอง โดยนำค่า P/E, P/BV หรือ P/Sales ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคูณกับ EPS, BVS หรือ Sales ที่คาดการณ์ของบริษัท หรือใช้วิธี DCF (เหมาะกับธุรกิจที่คาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้) เมื่อได้มูลค่าที่เหมาะสมของกิจการแล้วนำไปเทียบกับราคา IPO ว่ามี Upside Gain หรือไม่ และอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนไหม

            หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

            สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจเรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Financial Statement Analysis” ได้ฟรี >> https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/363/info . – สำนักข่าวไทย

            ดูข่าวเพิ่มเติม

            Top Viewed • อ่านมากสุด

            ดูทั้งหมด

            “ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

            กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

            รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

            นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

            มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

            กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

            ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

            สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

            ข่าวแนะนำ

            อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

            กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

            “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

            17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

            เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

            17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

            ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

            17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย