5 เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น IPO ก่อนลงทุน

31 พ.ค. – 5 เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น IPO ก่อนลงทุน โดย ภัทรธร ช่อวิชิต AISA นักลงทุนเน้นคุณค่า

หากนักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงตั้งแต่เริ่มต้นผ่านการซื้อหุ้น IPO ย่อมมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากราคาหุ้นที่มีโอกาสปรับขึ้น แต่เนื่องจากหุ้น IPO ยังมีข้อมูลที่อาจจำกัด ก่อนซื้อหุ้นจึงควรวิเคราะห์ให้รัดกุม ทั้งปัจจัยพื้นฐาน ความเสี่ยง แนวโน้มการเติบโตในอนาคต คู่แข่ง รวมถึงการประเมินมูลค่าหุ้น และตัดสินใจลงทุนด้วยความระมัดระวัง


ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจหุ้น IPO (หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป : IPO) หรือเรียกว่า หุ้นน้องใหม่ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวิธีการวิเคราะห์หุ้น IPO ก็ไม่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปที่ซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งมีเคล็ดลับ ดังนี้

1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของหุ้น IPO

    การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ซึ่งแสดงข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น นโยบายและภาพรวมการประกอบธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โครงการในอนาคต ผลการดำเนินงาน ข้อมูลสำคัญทางการเงินและการวิเคราะห์แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต หรือข้อมูลการจอง จัดจำหน่าย และการจัดสรรหุ้น เป็นต้น จึงเป็นเอกสารสำคัญในการตรวจสอบข้อมูลหุ้น IPO ก่อนลงทุน ซึ่งนักลงทุนสามารถดูข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต.


    นอกจากข้อมูลหนังสือชี้ชวนแล้ว ยังต้องศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเว็บไซต์ของบริษัท เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การนำเสนอข้อมูลรายละเอียดหลักทรัพย์แก่นักลงทุน (Roadshow) เพื่อนำเสนอข้อมูลของผู้บริหารบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้น และข่าวสารจากสำนักข่าวต่าง ๆ อีกด้วย

    2. วิเคราะห์ธุรกิจและการแข่งขัน

      ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้น IPO ควรเข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ให้ลึกซึ้ง โดยดูข้อมูลจาก “โครงสร้างและการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท” เริ่มต้นจากการอ่านข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เช่น ประวัติการก่อตั้ง การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการสำคัญ วิสัยทัศน์ โครงสร้างรายได้ เป็นต้น


      จากนั้นให้พิจารณาข้อมูลอุตสาหกรรมและการแข่งขัน เพื่อทำความเข้าใจลักษณะการดำเนินธุรกิจ คู่แข่ง การเติบโตของอุตสาหกรรมในปัจจุบันและอนาคต โดยนำข้อมูลและตัวเลขมาประมาณการรายได้เพื่อนำไปประมาณการกระแสเงินสดที่จะได้รับในอนาคตสำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น

      3. วิเคราะห์งบการเงิน

        เริ่มต้นจาก “ข้อมูลสรุป (Executive Summary)” และเข้าไปดูรายละเอียดที่ “การวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ (MD&A)” ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหารต่อผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงินที่มีนัยสำคัญในงบการเงินงวดที่ผ่านมา รวมถึงปัจจัยหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ แนวโน้มที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

        นอกจากการอ่านงบการเงินสำหรับหุ้น IPO เพื่อตรวจสอบสุขภาพการเงินแล้ว ยังสามารถประเมินได้ว่ามีโอกาสเป็น “หุ้นเติบโต” หรือ “หุ้นปันผล” หากบริษัทมีนโยบายระดมทุนเพื่อนำไปเร่งขยายธุรกิจ จะพบว่าอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) จะอยู่ในระดับสูง (เช่น 20 – 30 เท่า) และยอดขายและกำไรจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และหากต้องการดูว่าบริษัทนำเงินที่ระดมทุนได้ไปลงทุนโครงการใด ให้ดูข้อมูล “โครงการในอนาคต”

        สำหรับบริษัทที่มีลักษณะเป็นหุ้นปันผล ก่อนเข้าซื้อขายในกระดาน จะพบว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการลงทุนก็เป็นเพียงขยายตามอุตสาหกรรม และ D/E Ratio จะอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก

        4. คาดการณ์การเติบโตจากโครงการในอนาคต

          ข้อมูล “โครงการในอนาคต” จะอธิบายว่าบริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปทำอะไรบ้าง หากนำไปขยายธุรกิจ (เช่น สร้างโรงงานแห่งใหม่) และนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน ต้องสะท้อนให้เห็นได้ว่านำไปลงทุนขยายธุรกิจ จากนั้นก็ต้องติดตามข้อมูลว่า บริษัทจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มสร้างรายได้เมื่อไหร่

          หากบริษัทนำเงินที่ระดมทุนไปใช้หนี้ หากเป็นหนี้สินที่กู้มาเพื่อขยายโรงงานก่อนเข้าจดทะเบียนก็ไม่มีปัญหา เพราะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายจะปรับลดลงในไตรมาสถัดไป ผลลัพธ์ คือ กำไรจะเพิ่มขึ้น D/E Ratio ลดลง ในทางกลับกัน หากช่วงก่อนจดทะเบียน บริษัทไม่มีการขยายธุรกิจ สินทรัพย์เท่าเดิม ขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น แต่กำไรสะสมลดลง ที่สำคัญข้อมูล “โครงการในอนาคต” ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่านำเงินไปลงทุนอะไร นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น

          5. คำนวณราคาหุ้นที่เหมาะสม

            ราคาหุ้น IPO ที่เหมาะสม สามารถดูจาก P/E Ratio ปัจจุบัน โดยพิจารณาในข้อมูลสรุป (Executive Summary) โดยคำนวณจากกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาสหารด้วยจำนวนหุ้นหลัง IPO หากหุ้นที่มีการเติบโตมักจะขายราคา IPO ในราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น นักลงทุนต้องทำการบ้านเรื่องการเติบโตในอนาคตว่าบริษัทจะเติบโตจากปัจจัยอะไรบ้างและยาวนานแค่ไหน (สามารถใช้ข้อมูลบทวิเคราะห์เข้ามาประกอบด้วย)

            ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า การประเมินมูลค่าธุรกิจทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจและข้อมูลที่มี เช่น เปรียบเทียบราคา IPO กับ มูลค่าตามบัญชี (P/BV) หรือกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ของบริษัท แล้วนำมาเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำหนดราคา IPO โดยบางครั้งบริษัทอาจตั้งราคาจองซื้อ IPO สูงเกินไป ทำให้นักลงทุนไม่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือประเมินมูลค่ากิจการเอง โดยนำค่า P/E, P/BV หรือ P/Sales ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมคูณกับ EPS, BVS หรือ Sales ที่คาดการณ์ของบริษัท หรือใช้วิธี DCF (เหมาะกับธุรกิจที่คาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้) เมื่อได้มูลค่าที่เหมาะสมของกิจการแล้วนำไปเทียบกับราคา IPO ว่ามี Upside Gain หรือไม่ และอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุนไหม

            หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

            สำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจเรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของงบการเงิน และเทคนิคการอ่านงบการเงินแบบง่าย เพื่อประเมินศักยภาพของกิจการประกอบการตัดสินใจลงทุน ผ่าน e-Learning หลักสูตร “Financial Statement Analysis” ได้ฟรี >> https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/363/info . – สำนักข่าวไทย

            ดูข่าวเพิ่มเติม

            Top Viewed • อ่านมากสุด

            ดูทั้งหมด

            “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

            บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

            บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

            กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

            มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

            กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

            เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

            กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

            ข่าวแนะนำ

            รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

            ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

            “บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

            9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

            “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

            สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

            ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

            กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]