กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – “ดร.นิเวศน์” รับหุ้นไทยขาดเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุน แนะรัฐบาลเร่งฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย-ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-คอร์รัปชัน ด้าน “เสี่ยป๋อง วัชระ” มองหุ้นไทยต้องผ่านด่าน 1,440 จุด จึงจะปลอดภัย แนะเลือกหุ้นพื้นฐานดีมีแนวโน้มเติบโต
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า กล่าวในการเวที “แชร์ประสบการณ์ลงทุน เคล็ดลับการปั้นพอร์ต” โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) พ.ศ. 2568 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยเจอข่าวร้ายมาทำลายความเชื่อมั่น ทั้งปัญหาภายในประเทศ สงครามการค้า ความขัดแย้งชายแดน ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุน โดยมองว่านี่อาจจะเป็นจุดต่ำสุดแล้วก็ว่าได้ และยิ่งตอนนี้ไทยดีลภาษีสหรัส ได้ 19% ซึ่งมองว่าเป็นโอกาส หากทำดีๆ จะช่วยดึงให้กลับมาได้
ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่น ออกมาตรการต่างๆ ที่จะทำให้เราเห็นความหวังว่าปัญหาเหล่านั้นเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะการสู้รบตามแนวชายแดน เรียกง่ายๆ ว่าเปลี่ยนสนามรบให้กลายเป็นสนามการค้า รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปราบคอร์รัปชัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจ และหากปัญหาการเมืองยังยืดเยื้อและขาดเสถียรภาพ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะเป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าหุ้นไทยขาดเสน่ห์ การเข้าสู่สังคมสูงวัย ไม่มีแรงงานรุ่นใหม่ ไม่มีธุรกิจใหม่ๆ ที่จะทำให้เติบโต จึงไม่สามารถดึงความสนใจใหม่ๆ ได้ แต่หากรัฐบาลสามารถสร้างความมั่นใจกลับคืนมาได้ ความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจยังมีอยู่ หุ้นไทยอาจจะกลับมาน่าสนใจ เพราะการลงทุนทุกวันนี้ไม่ได้มองแค่ตัวหุ้น แต่ยังมองไปถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองด้วย เรียกว่าถึงหุ้นดีแต่ประเทศไม่ดีก็ไปไม่รอด
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ ขณะนี้ตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นหนึ่งในตลาดที่น่าสนใจ เพราะกําลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสําคัญในตลาดทุน เรียกว่า “Immunity Stage” หรือจุดที่ประเทศเริ่มฟื้นตัวจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง เตรียมเปลี่ยนผ่านจากตลาดใช้เงิน ไปสู่ตลาดที่มีเสถียรภาพและแข็งแรง และคาดว่าอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เวียดนามอาจถูกจัดเข้าเป็นตลาดที่แข็งแกร่งหรือเข้าสู่ดัชนีสําคัญ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นและการลงทุนโดยรวม
นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ ยอมรับหุ้นไทยไม่มีเสน่ห์ เพราะกติกาถูกขีดเขียนด้วยนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ไม่ลงทุนตามรุ่นเบบี้บูมเมอร์ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ฟอสซิลรุ่งเรืองมาก แต่ตอนนี้ทุกกองยกเลิกการลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับฟอสซิล อีกทั้งทุกคนต้องการกำไร ต้องการเติบโต แม้มีหุ้นปันผลตอนนี้ถือว่าหมดเสน่ห์
อย่างไรก็ดี ยังมองว่าหุ้นไทยยังมีโอกาส ต่างชาติอาจมองไทยไม่มีเสน่ห์ แต่หากวันหนึ่งเกิด Deep Valuation ราคาหุ้นไทยถูกมาก ต่างชาติอาจหันมามองได้ อย่างไรก็ดี ภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะมีโอกาสหาหุ้นเปลี่ยนชีวิตได้ แต่คงไม่ได้อยู่ในหุ้นขนาดใหญ่อย่างในอดีต แต่อาจอยู่ในหุ้นขนาดเล็กที่นักลงทุนต้องเฟ้นหาข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวัง หลายคนอาจจะมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสไปแตะระดับ 2,000 จุด แต่ส่วนตัวมองว่าหุ้นไทยต้องผ่านด่าน 1,440 จุดให้ได้ก่อนจึงจะเป็นจุดที่ปลอดภัย แนะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจ แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ ข้อมูลฐานะการเงินเปรียบเทียบ P/E Ratio หรืออัตราส่วนราคาต่อกําไร, Return on Equity (ROE) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้การกระจายลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ.-517-สำนักข่าวไทย