“นภินทร” ขอ “ภูมิธรรม” ดูงานเอสเอ็มอีต่อเพื่อให้งานเดินหน้าได้

นนทบุรี 29 เม.ย. – รมช.พาณิชย์ ขอ “ภูมิธรรม” สางงานเอสเอ็มอีต่อเพื่อให้แผนงานที่วางไว้เดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่ภาคเอกชนยังรอความหวังให้ภาครัฐเข้าช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น


นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เพิ่มอีก 1 คนนั้น เบื้องต้นได้มีการคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่ รมช.พาณิชย์ ถึงการแบ่งงาน ซึ่งตนบอกไปว่าอยากดูในงานที่ถนัดคือการผลักดันเอสเอ็มอี ที่ได้ทำมาตลอด ตั้งแต่มาที่กระทรวงพาณิชย์ และเชื่อว่าไม่ว่าใครมาก็ทำงานร่วมกันได้อย่างดี

ทั้งนี้ ในส่วนของการช่วยเหลือและผลักดันเอสเอ็มอี จะมีการเปิดตัวโครงการใหญ่ในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นการจัดจับคู่เจ้าของธุรกิจ เจ้าของทำเล และผู้ที่ต้องการลงทุนหรือเปลี่ยนอาชีพ โดยขณะนี้ได้เตรียมกว่า 2 หมื่นทำเลเพื่อให้ผู้สนใจลงทุนทำธุรกิจ ที่กระทรวงฯ ได้เตรียมเจ้าของแฟรนไชส์หรือผู้ต้องการขยายแฟรนไชส์มาเจรจากัน อีกทั้ง ประสานกระทรวงแรงงาน ของบสนับสนุนจากกองทุนประกันสังคม 2-3 พันล้านบาท เพื่อให้ธนาคารบริหารจัดการในการปล่อยกู้ ในอัตราต่ำไม่เกิน 7% ต่อปี ส่วนผลกระทบที่เอสเอ็มอีต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือนั้น กำลังเสนอนายภูมิธรรม พิจารณาและดำเนินการต่อไป ซึ่งยังไม่อาจลงในรายละเอียดได้เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เรื่องหนึ่งคือแก้ไขผลกระทบจากอีคอมเมิร์ช


นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การปรับ ครม. ในส่วนนโยบายภาครัฐ คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดย สรท. อยากให้เน้นช่วยเหลือและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะเอสเอ็มอีส่งออกที่เจอปัญหากำลังซื้อในประเทศไม่ดีและต้องเผชิญกับหลายปัจจัยด้านต้นทุนสูง สภาพคล่อง แม้สมาคมธนาคารไทยประกาศลดดอกเบี้ยให้ 0.25% แต่การเข้าถึงแหล่งทุนยังต่ำ และดอกเบี้ยแท้จริงยังสูง

“ตอนนี้รายย่อยน่าเห็นใจมาก และมีปัญหาสะสมหนักมาตลอด ขายสินค้าไม่ดี ขาดสภาพคล่อง ความกังวลที่ต้องการให้ ครม.ใหม่ สานต่อคือแก้โครงสร้างด้านพลังงาน เร่งงบประมาณภาครัฐ เสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี และหาตลาดใหม่ๆ ซึ่งภาคเอกชนเราก็ทำกันอยู่แล้ว ส่วนตัวบุคคลใครนั่งกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เชื่อว่าคงอยู่ภายใต้นโยบายรัฐบาทเดียวกัน เชื่อว่าภาคเอกชน ไม่ได้กังวลเรื่องเสถียรภาพการเมือง และความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ โดยไทยยังเดินหน้าได้ดี ทั้งท่องเที่ยว ส่งออกก็ยังไปได้ ที่อยากให้แก้ก็เป็นเรื่องเดิม ทั้งด้านพลังงาน และเข้าถึงแหล่งทุยนของรายย่อย ที่เสนอมาตลอด “ นายชัยชาญ กล่าว.-514-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง