กรุงเทพ 5 มี.ค.-บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดกลยุทธ์ปี 2567 พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่ “POWER OF TOGETHER รวมพลัง…เคียงข้างสร้างสรรค์ชีวิตยั่งยืน” วางเป้าหมายรายได้รวมทุกธุรกิจ 15,100 ล้านบาท พร้อมลุยเปิดใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้าน ตั้งเป้ายอดขาย 17,400 ล้าน และเป้าหมายยอดโอน 12,700 ล้าน
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่าในปี 2567ว่า ยังคงเป็นความท้าทายของแผนขับเคลื่อนธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ยังคงมีมาอย่าต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นในรอบ 10 ปี ส่งผลให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 70% ซ้ำด้วยราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 1.5% (YoY) ก็ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเฉลี่ย 5-10% (YoY)
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เสนาเปิดตัวโครงการใหม่ไป 16 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,793 ล้าน สามารถสร้างรายได้สูงกว่าหมื่นล้านที่ 10,954 ล้านบาท โตขึ้นกว่า 12% มีกำไรขั้นต้นกว่า 3,200 ล้าน ขณะที่ยอดโอนอยู่ที่ 8,432 ล้าน หรือโตกว่า 9% โดยทุกผล การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางบวก และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.ยุ้ย เกษรา กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจของเสนาในปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโด 12 โครงการ ขณะที่ยอด Pre sales ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 17,400 ล้าน และเป้าโอนที่ 12,700 ล้าน สำหรับธุรกิจบริหารโครงการและบริการ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,400 ล้าน ขณะที่ธุรกิจพลังงานสะอาดเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท
“การดำเนินธุรกิจที่เสนาให้ความสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือด้านความยั่งยืนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้กลุ่มบริษัทเสนาตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 19,800 ตันคาร์บอน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้มากกว่า 1,984,800 ต้น ผ่านผลิตภัณฑ์ และบริการ อาทิ บ้านพลังงานเป็นศูนย์จำนวน 1,015 ยูนิต, คอนโด Low Carbon 10 โครงการ, ติดโซลาร์ B2C 1,800 หลัง, ติด EV Ready 1,015 หลัง, EV Car 1,000 คัน, การบริหารจัดการขยะ, การปลูกป่า Reforestation จากเฟสแรก 306 ไร่ จะเพิ่มให้ครบ 10,000 ไร่ รวมถึงมาตรการด้านการประหยัดพลังงานต่างๆ ภายในองค์กรอีกด้วย” ดร.ยุ้ย เกษรา กล่าวทิ้งท้าย.- 513-สำนักข่าวไทย