กรุงเทพฯ 20 ธ.ค.-ตลท. เผยปี 2565 บริษัทจดทะเบียนไทย สร้างรายได้จากต่างประเทศกว่า 6.21 ล้านล้านบาท กลุ่มทรัพยากรมีรายได้สูงสุด 2.5 ล้านล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่ SET Note โดยระบุว่า ปี 2565 เศรษฐกิจโลกเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดและความไม่แน่นอน เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จากฐานข้อมูลการลงทุนต่างประเทศและรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย รวม 810 บริษัท พบว่าภาพรวมปี 2565 บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai (บริษัทจดทะเบียนฯ) เปิดเผยข้อมูลการลงทุนในต่างประเทศ 287 บริษัท จากบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด 810 บริษัท หรือคิดเป็น 35% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด โดยบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) รวมสูงถึง 14 ล้านล้านบาท
ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศสุทธิรวม 8.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.6% จากปี 2564 โดยอาเซียน เป็นภูมิภาคเป้าหมายที่บริษัทจดทะเบียนฯ เข้าไปลงทุนทางตรงมากที่สุด โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในปี 2565 เท่ากับ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยประเทศเวียดนามยังคงครองอันดับ 1 ที่สามารถดึงดูดบริษัทจดทะเบียนฯ ไปลงทุนมากที่สุด คิดเป็น 82% ของมูลค่าการลงทุนทางตรงรวมในกลุ่มประเทศอาเซียน
ในปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีรายได้จากต่างประเทศ 6.21 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 32% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนฯ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัทจดทะเบียนใน SET มูลค่า 6.18 ล้านล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน mai มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากรายได้ของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ มีสัดส่วนสูงถึง 49% ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมด
บริษัทจดทะเบียนฯ ในกลุ่มทรัพยากร เป็นกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศสูงสุดในปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาขายน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณขายรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวที่มีรายได้จากต่างประเทศลดลง โดยลดลง 6.6% จากปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงปี 2549-2565 หากเปรียบเทียบสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศต่อรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยในปี 2565 พบว่ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 34 สูงที่สุดในรอบ 17 ปี เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค พบว่าบริษัทจดทะเบียนฯ มีรายได้จากภูมิภาคเอเชียมากที่สุด เท่ากับ 1.7 ล้านล้านบาท โดยมีรายได้สูงสุดมาจากประเทศเวียดนาม เท่ากับ 3.3 แสนล้านบาท.-516.-สำนักข่าวไทย