ยกทีมพาณิชย์เยือนเซี่ยงไฮ้ เร่งเจาะตลาดเชิงรุกรายมณฑล

นนทบุรี 7 พ.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ยกทีมพาณิชย์เยือนเซี่ยงไฮ้พบหารือรัฐมนตรีพาณิชย์จีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าไทย-จีน พร้อมร่วมพิธีเปิดงานแสดงสินค้า CIIE 2023 เยี่ยมชมคูหาประเทศไทย เดินหน้ารุกสร้างเครือข่ายให้กับภาคธุรกิจของไทย พบปะนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้นำเข้ารายใหญ่ของจีน หาช่องทางกระจายสินค้าไทยในร้านขายปลีกกว่า 20,000 สาขา ปิดท้ายเปิดงาน Thai Food Festival โปรโมตอาหารไทยในห้างดัง คาดยอดขายจากกิจกรรมต่างๆ ในครั้งนี้ รวมกว่า 330 ล้านบาท


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าตนพร้อมด้วย ดร.นลินี ทวีสิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและผู้แทนการค้าไทย ดร.ภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ศ.ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี และผู้บริหารของกระทรวง ได้เดินทางไปเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเข้าร่วมชมงานแสดงสินค้า China International Import Expo ครั้งที่ 6 หรือ CIIE 2023 ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติประจำปีที่มีความสำคัญลำดับแรกของจีน โดยได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือผู้บริหารระดับสูงของจีน นายหวัง เหวินเทา (Mr.Wang Wentao) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าไทย-จีน ตลอดจนได้พบปะหารือกับและรับฟังข้อเสนอแนะจากนักธุรกิจไทยและจีนหลากหลายกลุ่ม จากหลากหลายมณฑล อาทิ เซี่ยเหมิน ซานซี และ เฮยหลงเจียง เป็นต้น ซึ่งตนได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงาน “ทีมพาณิชย์” เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การผลักดัน “การค้าเชิงรุกรายมณฑล” ทำงานร่วมใกล้ชิดรัฐ-เอกชน อีกทั้งได้ไปเปิดงาน Thai Food Festival  โปรโมตสินค้าไทยด้วย

ทั้งนี้ งาน CIIE 2023  ในครั้งนี้ พิธีเปิดมีขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 มีนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เป็นประธาน ซึ่งได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเน้นย้ำว่าจีนพร้อมเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ ตั้งเป้าหมายนำเข้าสินค้าจากทั่วโลกมูลค่า 17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสทองของสินค้าไทย โดยในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ไทยได้เน้นแสดงศักยภาพด้านอาหาร ภายใต้ธีม “ประเทศไทย ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน” โดยเข้าร่วมงานใน2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนของ Thai Food and Agricultural Products Pavilion  มีสินค้านำไปจัดแสดงจำนวน 20 คูหาเช่น ผลไม้แปรรูป เครื่องแกงเครื่องปรุงรส อาหารทะเล ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น และส่วนของ Thailand Pavilion เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทย ผ่านสินค้า บริการและ Soft Power ของไทย เช่น ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ที่ให้กับร้านอาหารที่มีรสชาติไทยแท้ การจัดแสดงเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เครื่องหมายThailand Trust Mark (เครื่องหมายแห่งคุณภาพ  “Trusted Quality”) ของสินค้าไทย แพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ thaitrade.com 


นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมคูหาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมข้าวหอมมะลิไทย พร้อมร่วมสาธิตทำเมนูอาหารต้มยำกุ้งอีกด้วยนอกจากนี้ ภายในงานยังมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ไปเผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวของไทย และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ไปให้บริการข้อมูลการลงทุนในไทย อีกทั้งยังได้พบภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เพื่อหาช่องทางการตลาดให้กับสินค้าไทย อาทิ CP กระทิงแดง ชาตรามือ ปตท. (น้ำมันและการค้าปลีก) คาเฟ่อเมซอน ดอกบัวคู่ธนาคารกสิกรไทย  และ ปตท. โออาร์  เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังได้พบปะนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้นำเข้ารายใหญ่ของจีน เพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับภาคเอกชนไทยที่ไปลงทุน และนักธุรกิจจีนที่ร่วม/สนใจจะร่วมธุรกิจกับไทย กว่า 20  บริษัท โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทค ยานยนต์ไฟฟ้า AI พลังงานสะอาด และบันเทิง ที่มีความสำคัญแห่งนครเซี่ยงไฮ้เพื่อจะได้ทำงานร่วมกัน รวมถึงหารือกับบริษัท SINOPEC เพื่อหาช่องทางกระจายสินค้าไทยในซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าปลีกของ SINOPEC  ซึ่งมีจำนวนกว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศจีนโดยจะผลักดันให้มีโชว์รูมหรือเชลฟ์วางจำหน่ายสินค้าไทยในสาขาต่างๆ 

นอกจากนี้ ได้เยี่ยมชมร้าน THANN ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาและสกินแคร์ของไทยที่ได้รับการยอมรับในตลาดจีนและเป็นประธานเปิดงาน Thai Food Festival ณ ซุปเปอร์มาร์เก็ตโอเล่ สาขาจิ้งอัน จัดประชาสัมพันธ์อาหารไทย และตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ภายใต้แนวคิด “Experience Thai Gourmet Ready to Eat & Cook” ซึ่งจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และกระตุ้นยอดขายสินค้าไทยในนครเซี่ยงไฮ้  โดยจะผลักดันให้มีการจัดทำเป็นเชลฟ์ประเทศไทยสำหรับโชว์สินค้าศักยภาพไทยเพื่อให้คนจีนได้เข้าถึงสินค้าไทยได้ง่าย ซึ่งมีกว่า 2,000 รายการ จะจัดตั้งขึ้นในห้างโอเล่ ซึ่งเป็นห้างใหญ่มีสาขากว่า 200 สาขา ใน 11 เมืองใหญ่ของจีน 


ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงที่สุดกับไทยเป็นเวลาติดต่อกันถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี2556  ในปี 2565 ไทยส่งออกไปจีน 1.19 ล้านล้านบาท นำเข้าจากจีน 2.48 ล้านล้านบาท  และปี 2566 (ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งออกไปจีน 898,456 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากจีน 1.81 ล้านล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ผลไม้ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง คอมพิวเตอร์ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าเครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์ และส่วนประกอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม