งาน Thai Water Expo และ Water Forum 2023

กรุงเทพฯ 31 ส.ค. – กระทรวงทส. จุฬาฯ อินฟอร์มา และภาคีเครือข่ายทางธุรกิจร่วมจัดงาน Thai Water Expo และWater Forum 2023 ชูแนวคิดรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน


กระทรวงทรัพยากรฯ คณะวิศวะ จุฬาฯ และภาคีเครือข่ายชั้นนำด้านทรัพยากรน้ำร่วมจัดงาน “Thai Water Expo (THW) และ Water Forum 2023” งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรน้ำและน้ำเสียที่ครบวงจรที่สุดงานเดียวในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ด้วยแนวคิด “เสริมสร้างความพร้อมของอาเซียน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน” ขนทัพเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำจากเนเธอร์แลนด์ และประเทศชั้นนำระดับโลก ปักหมุดดันไทย “เสริมสร้างความร่วมมือ ด้านการจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมในเอเชียแปซิฟิกผ่านเทคโนโลยีสีเขียว” ด้วยเวทีเสวนา “Water Forum”

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทุกระบบนิเวศ และหนึ่งในนั้นคือ “ทรัพยากรน้ำ” ซึ่งมีส่วนประกอบถึง 3 ใน 4 ของโลก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาภัยแล้ง อุทกภัยเฉียบพลัน รวมถึงอุณหภูมิของแหล่งน้ำที่อุ่นขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ด้วยประเด็นดังกล่าวเพื่อพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้ และคาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดงานแสดงสินค้า นิทรรศการและกิจกรรมเจรจาธุรกิจชั้นนำ ได้ผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายด้านทรัพยากรน้ำ นำโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  สถานทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยและภาคีเครือข่ายชั้นนำ  จัดงาน Thai Water Expo (THW) และ Water Forum 2023 โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ “เสริมสร้างความพร้อมของอาเซียน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน”


นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า วันนี้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสร้างความเสียหายในวงกว้างต่อวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมถึงมิติต่างๆ การเตรียมพร้อมรับมือผ่านการกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการสร้างความยั่งยืนทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือเป็นนโบายที่สำคัญที่ทางกระทรวงฯ ขับเคลื่อนมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของน้ำได้มีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งถือเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำของประเทศที่ครอบคลุมอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย ตลอดจนการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ยังรวมถึงภัยแล้งและการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในทุกปี และการสร้างความรู้เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในเรื่องการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพผ่านแนวคิด4R ซึ่งประกอบไปด้วย Reduce – ลดการใช้น้ำ, Reuse – การนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ , Recycle – การบำบัดน้ำเสียเพื่อคืนสู่สิ่งแวดล้อม และ Recharge – เป็นกระบวนการเติมน้ำใต้ดิน เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ในยามขาดแคลน

โดยแนวทางการทำงานทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน อย่างเช่นการจัดงานในวันนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำ ร่วมกันหารือ แนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างสมดุลให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับเป้าหมายรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการบริหารการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป 

ศ.ดร.อนงค์นาฏ สมหวังธนโรจน์ รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เราในฐานะภาคของการศึกษาได้เดินหน้าสร้างการตระหนักรู้ด้านผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งในปัจจุบันการสร้างความมั่นคงทางน้ำ และกระบวนการผลิตอย่างสะอาดด้วยการใช้เทคโนโลยีสีเขียวเป็นทิศทางที่สำคัญที่ผ่านมาทางวิศวฯ จุฬาฯ ได้ตั้งเป้ารับมือต่อผลกระทบด้านวัฏจักรน้ำผ่านการนำเอาผลงานวิจัยในด้านความยั่งยืนของน้ำมาขยายผลและต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำปัญญาประดิษฐ์หรือ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล (IOT) เข้ามาช่วยในการคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมและภัยแล้งในอนาคตเป็นต้น มากไปกว่านั้นทางคณะฯยังเล็งเห็นความสำคัญในการจัดการทรัพยากรน้ำในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการสร้างองค์ความรู้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ การเป็นส่วนหนึ่งในงานสัมมนาวิชาการ Water Forum ในงาน Thai Water Expo 


ปีนี้ทางคณะฯ เป็นแกนหลักรวมหน่วยงานสมาคมที่เกี่ยวข้องอาทิ สมาคมนักอุทกวิทยาไทย สมาคมการประปาแห่งประเทศไทย วิศวะกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ มาร่วมแชร์ประสบการณ์และแลกเปลี่ยนมุมมองเพื่อร่วมกันหาแนวทางในด้านการจัดการ และสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในอนาคตให้กับไทยและภูมิภาค ทั้งนี้ทางคณะฯพร้อมสมาคมต่างๆ ร่วมจัดแสดงเทคโนโลยี ผ่านโครงการด้านน้ำ และให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่สนใจ เรามั่นใจว่าเวทีนี้จะสร้างประโยชน์ในวงกว้างให้กับผู้ที่เข้าชมในหลากหลายกลุ่ม และที่สำคัญเทคโนโลยีสีเขียวภายในงานนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนร่วมกัน

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เราทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะทรัพยากรที่สำคัญของโลกอย่าง”น้ำ” เราจึงเป็นแกนกลางที่สำคัญในการเชื่อมโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันบริการจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบไร้รอยต่อผ่านการจัดงาน Thai Water Expo งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรน้ำและน้ำเสียที่ครบวงจรที่สุดงานเดียวในประเทศไทย โดยปีนี้ได้ชูแนวคิด “เสริมสร้างความพร้อมของอาเซียน เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน” ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเวทีนี้ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญให้กับภูมิภาค ร่วมกันบูรณาการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดคุณค่า และประโยชน์สูงสุดต่อทุกระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem)

งาน (THW) ในปีนี้ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมรวมถึงโซลูชั่นต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการน้ำไว้อย่างครบวงจรที่สุดงานหนึ่งในภูมิภาค โดยมีบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 200 บริษัท และพาวิลเลียนจากกว่า 7 ประเทศ อาทิ เยอรมนีญี่ปุ่น เกาหลี จีน สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และไต้หวัน พร้อมกันนี้มีโซน Insight Water ที่รวบรวม 30 องค์กรหลักด้านน้ำให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังจัดร่วมกับการประชุมนานาชาติ Water Forum ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการน้ำจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ร่วมแบ่งปันความรู้ เทรนด์เทคโนโลยี รวมถึงโซลูชั่นด้านน้ำ ที่ทุกภาคส่วนมองว่าการจัดงานนี้จะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับงาน Thai Water Expo (THW) และ Water Forum 2023 หนึ่งเวทีที่สำคัญระดับภูมิภาคและเป็นโอกาสทองของไทยในอุตสาหกรรมการจัดการทรัพยากรน้ำและน้ำเสีย โดยปีนี้จัดขึ้นร่วมกับงาน PUMPS AND VALVES ASIA (PVA) 2023 งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านปั้ม วาล์ว ท่อ ข้อต่อ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งการจัดงานทั้งหมดนี้ถือเป็นเวทีระดับภูมิภาคหนึ่งเดียวของไทยที่รวบรวมนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม และการจัดการน้ำไว้ในงานเดียว จัดระหว่างวันที่ 30 ส.ค.-1 ก.ย.66 ที่ ฮอลล์ 1-4 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.thai-water.com หรือโทร 02 036 0500.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]