ผนึกกำลังปราบปรามสินค้าละเมิดฯทำลายของกลางฯ กว่า 1.2 ล้านชิ้น

กรุงเทพฯ 31 ส.ค.-กรมทรัพย์สินทางปัญญาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วกว่า 1.2 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านบาท หวังสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน พร้อมประสานความร่วมมือเครือข่ายพันธมิตรด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง 


นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยให้ความสําคัญกับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ การคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ตลอดจนภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ ในทรัพย์สินทางปัญญา 

อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมาทั้งภาครัฐและเอกชนได้บูรณาการการทํางานร่วมกันในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประเทศคู่ค้ายอมรับผลการปฏิบัติงานของไทย ดังปรากฏในรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจําปี 2566 ที่ได้ชื่นชมต่อพัฒนาการด้านนโยบายและผลการดําเนินการปราบปรามที่เป็นรูปธรรมของไทย อย่างไรก็ดีไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดฯอย่างเข้มข้นต่อไป โดยมุ่งหมายให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าว


​นอกจากนี้ การทําลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดําเนินการอย่างโปร่งใสสอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีการดำเนินการตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า นักลงทุน และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่กลับเข้าสู่ท้องตลาดอีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นการปกป้องผู้บริโภคจากอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ในปีนี้ของกลางที่นํามาทําลายมีหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า นาฬิกา รองเท้า กระเป๋า เครื่องสําอาง โทรศัพท์มือถือ อะไหล่รถยนต์ สินค้าอาหาร เป็นต้นโดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษจํานวนรวมทั้งสิ้น 1,253,529 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านบาท หากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมายังกองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-547-4702 หรือสายด่วน 1368 ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด