กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – ภาคตลาดทุน ชี้ทิศทางเศรษฐกิจดีขึ้น หลังได้รัฐบาลใหม่ เห็นด้วยแบ่งเฟส “กระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท เปรียบเสมือน “รักษาคนไข้ต้องให้ยาครบโดส”
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร กรรมการชมรมวาณิชธนกิจ กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ อย่างเช่น“นโยบายกระเป๋าเงิน 10,000 บาท” ว่า ที่ผ่านมาภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ได้รับผลกระทบมาเป็นระยะเวลาหลายปี จากทั้งสถานการณ์โควิด, สงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงความไม่ชัดเจนของการเมืองภายในประเทศ ดังนั้นการมีนโยบายกระตุ้น ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยจึงเป็นเรื่องดี แม้จะมีข้อกังวลจากหลายฝ่ายการประกาศใช้นโยบายบางเรื่องอาจจะส่งผลทำให้มีภาระหนี้ของประเทศเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามองภาพใหญ่ถือว่ายังมีความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอดูรายละเอียดของนโยบาย รวมไปถึงการกำกับดูแลเพื่อทำให้การใช้นโยบายไปลงสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง และทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญ กรณีที่มีข้อเสนอแนะว่าควรแบ่งเฟสสำหรับ “นโยบายกระเป๋าเงิน 10,000 บาท” มองว่าการแบ่งเฟสก็เหมือนกับการรักษาคนไข้ว่าจะให้ยากี่โดส และเพียงพอไหม เชื่อว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากต้องดูระยะเวลาที่เหมาะสวมแล้วยังต้องสอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะหากทิ้งเวลาเกินไปก็เหมือนเสียของ เหมือนกับให้ยาไม่ครบโดส
ส่วนท่าทีของตลาดทุน ต่อ “รัฐบาลเศรษฐา 1” มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นกว่าช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่เกิดเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองจากปัจจัยการเมือง ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนมีบรรยากาศที่ดีขึ้น สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ หลังมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลคือมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ถึงแม้ราคาและดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะยังไม่เติบโตอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง แต่ยังต้องรอปัจจัยในภาคธุรกิจ ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี.-สำนักข่าวไทย