กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – “ตลาดทุน-ตลาดเงิน” จับตาสถานการณ์ชายแดน และความคืบหน้าเจรจาภาษีไทย-สหรัฐ ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทย
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.11/13 บาท/ดอลลาร์ฯ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.15 บาท/ดอลลาร์ฯ เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า หลังดอลลาร์สหรัฐและราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง โดยตลาดยังคงจับตาดูความคืบหน้าของการเจรจาภาษีสหรัฐทั่วโลก รวมถึงการต่อรองการค้าไทยกับสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมถึงปัจจัยใหม่ที่เข้ามาคือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความบานปลาย สถานการณ์นี้กำลังถูกจับตามองจากสื่อระหว่างประเทศ และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศในระยะยาวและสร้างปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม DOWNSIDE GDP ไทยในช่วงครึ่งหลังปี 68 เป็นต้นไป จากตัวเลข NET EXPORTS (การค้าระหว่างประเทศ) ที่มีสัดส่วนราว 5% ของ GDP โดยกัมพูชามีดุลการค้ากับไทยราว 8 พันล้านเหรียญฯ ณ ปี 2567 (ไทยเกินดุลการค้ากับกัมพูชาเป็นอันดับ 2) หากพิจารณา 10 สินค้าส่งออกมากสุดของไทยไปกัมพูชาได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (ซึ่งส่วนใหญ่คือทองคำ) สัดส่วน 36.65% น้ำมันสำเร็จรูป 13.71% น้ำตาลทราย 5.13% เครื่องดื่ม 4.58% เคมีภัณฑ์ 2.55% เป็นต้น
ส่วนที่จะกระทบกับหุ้นในบริษัทจดทะเบียน น่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม : คาด CBG ได้รับผลกระทบด้านลบ เนื่องจากมียอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจากต่างประเทศหลัก มาจากประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ CBG ยังมีแผนเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบ JV ซึ่งตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2569 ส่วน OSP คาดได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1-2% ของยอดขายรวม. -511-สำนักข่าวไทย