ตำรวจไซเบอร์-ธนาคาร อายัดบัญชีม้า 32,000 คดี

อาคารรัฐสภา 18  พ.ค. – ตำรวจไซเบอร์ ธนาคาร อายัดบัญชีม้า 32,000 คดี มูลค่า 400 ล้านบาท หลัง พ.ร.ก. ป้องกันภัยไซเบอร์ บังคับใช้ 1 เดือน


ในการประชุมคณะทำงานศึกษาติดตามการบังคับใช้ พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ใน กมธ.ไอซีที วุฒิสภา ได้เชิญผู้แทน ธนาคารแห่งประเทศไทย  สมาคมธนาคารไทย  ธนาคารพาณิชย์  ร่วมชี้แจง หลังจาก พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา  เปิดทางให้ผู้เสียหายแจ้งธนาคารระงับบัญชีม้าได้ทันที คาดหวังให้แก้ปัญหาหลอกลวงออนไลน์ อาชญากรรมทางออนไลน์ลดลง เพราะมีบทลงโทษสูงสุด จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี  ปรับ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 

การขับเคลื่อนตาม พ.ร.ก. ความปลอดภัยไซเบอร์นี้ ได้มีหลายหน่วยงานร่วมทำงาน ประกอบด้วย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คลัง แบงก์ชาติ ตำรวจไซเบอร์ สมาคมธนาคารไทย ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ร่วมกันป้องกันเชิงรุก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ อายัดบัญยีม้าผู้กระทำผิด 32,000 คดี มูลค่า 400 ล้านบาท ในช่วงเพียง 1 เดือน หลังจากกฎหมายบังคับใช้ ยอมรับว่า ขณะนี้กลุ่มมิจฉีพเริ่มมีพลิกแพลง จากส่งการ SMS เพื่อให้กดลิงก์ เปลี่ยนมาเป็นส่งทาง E-mail, Line หรือโซเชียงอื่นๆ ขณะที่ธนาคารมีอำนาจระงับบัญชีได้เพียงชั่วคราว 7 วัน หลังจากนั้นตำรวจไซเบอร์จะส่งสำนวนดำเนินคดีในขั้นต่อไป


สถาบันการเงินแจ้งว่า เพื่อระงับความเสียหายให้ทันเหตุการณ์ เนื่องจากมิจฉาชีพจะโอนเงินต่อเนื่องไปยังหลายบัญชีม้าหลายธนาคาร หากสงสัยและวงเงินสูงธนาคารจะต้องอายัดเอาไว้ก่อน เมื่อได้รับการแจ้งเหตุ แต่เพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้เงินของผู้บริสุทธิ์ จึงมีระยะเวลาที่อายัดเอาไว้ชั่วคราว เพื่อให้เบิกใช้เงินได้ตามปกติ หากไม่ได้กระทำผิด ขณะนี้ต้องการให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวงแจ้งสายด่วนกับธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อความรวดเร็ว ธนาคารเป็นเพียงการหยุดเลือก ตำรวจติดตามเอาผิด ยอมรับว่า พ.ร.ก. ป้องกันภัยไซเบอร์ อาจต้องแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม

หลังจากนี้ไปต้องติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด ป้องกันลุกลามไปยัง คริปโตเคอร์เรนซี วอลเล็ต การเติมเงินเพื่อเล่นเกมส์ออนไลน์  เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพพัฒนาการไม่หยุด ขณะที่ธนาคารเจ้าของบัญชีเงินฝากทยอยสแกนใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตนกับประชาชนผู้ฝากเงิน  ปัจจุบันการเบิกถอนเงินต่ำกว่า 50,000 บาทต่อรายการ สัดส่วนประมาณร้อยละ 99 การเบิกเงินเกิน 50,000 บาทต่อรายการ มีประมาณร้อยละ 1 และธนาคารกำลังพัฒนาระบบการแชร์ข้อมูลระหว่างกัน  เมื่อเกิดเหตุสงสัยในการโอนเงินต่อเนื่องไปหลายบัญชี จะได้ระงับได้ทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

ทรงรับผู้บาดเจ็บรถบัสคว่ำ

ในหลวงทรงรับผู้บาดเจ็บจากรถบัสมรณะ ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผู้บาดเจ็บจากรถบัสพลิกคว่ำที่ จ.ปราจีนบุรี ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะที่ญาติต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยท่ามกลางความโศกเศร้า

ซักฟอกนายกฯ

ฝ่ายค้านล็อกเป้าซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร” คนเดียว

ฝ่ายค้านโฟกัสล็อกเป้า ซักฟอก “นายกฯ แพทองธาร” เพียงคนเดียว ไร้ภาวะผู้นำ ปล่อยให้ “บิดา” ชักใย-จูงใจ มีส่วนช่วยบริหารราชการแผ่นดิน บอกพูดถึง “ทักษิณ” ได้แน่ เบรกดราม่า “ฝ่ายค้าน” ดีล “พรรคร่วมรัฐบาล” แลกข้อมูล ขอรอดูความเข้มข้นเนื้อหาวันอภิปราย แย้มมีหลักฐานคอร์รัปชัน อย่าปรามาส ในอดีตอภิปรายนายกฯ คนเดียว เคยถึงขั้นยุบสภามาแล้ว

ซักฟอกนายกฯ

นายกฯ ไม่หวั่นถูกล็อกเป้าซักฟอก เชื่อพรรคร่วมไม่ลอยแพ

นายกฯ เข้าสภา บอกไม่ได้บังเอิญตรงวันฝ่ายค้านยื่นซักฟอก แต่จิ้มวันตั้งแต่ปีใหม่ ชี้ ไม่เกินคาดหมายหลังเป็นเป้าถูกอภิปรายคนเดียว ไม่กังวลกล่าวหาเป็นนั่งร้าน “ทักษิณ” มั่นใจ ไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมแจงทุกเรื่องแต่ไม่รู้จะถูกใจคำตอบหรือไม่ เชื่อพรรคร่วมไม่ลอยแพ ส่งข้อความขอความช่วยเหลือแล้ว ชี้ มือใหม่ตอบคนเดียวไม่ไหวเดี๋ยวคอแห้ง ต้องมีองครักษ์ช่วย

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น-ใต้ฝนลดลง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย