กลุ่มโรงไฟฟ้าทยอยแจ้งชนะคัดเลือกพลังงานทดแทน

กรุงเทพฯ 7 เม.ย.- กลุ่มโรงไฟฟ้าทยอยแจ้งชนะคัดเลือกพลังงานทดแทน กัลฟ์ได้มากที่สุด ด้าน ACE คว้า 112.73 เมกะวัตต์ SUPER 194.5 เมกะวัตต์ UAC แม้พลาดเป้ารอบนี้ก็คาดหวังรอบใหม่ เผยธุรกิจอื่นๆคืบหน้าคาดรายได้ปีนี้โตกว่า 10%


หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้จัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือก 175 ราย รวมปริมาณการเสนอขาย 4,852.26 เมกะวัตต์ จากกำหนดรับซื้อทั้งหมด 5,203 เมกะวัตต์ พบว่า บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ชนะการคัดเลือกมากที่สุดกว่า 28 โครงการ ทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน และพลังงานแสงอาทิตย์ คิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้าเกือบ 2,000 เมกะวัตต์

ส่วนบริษัทที่ชนะการคัดเลือกรองลงมา คือ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) ได้ 17 โครงการ ปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 832.4 เมกะวัตต์


นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE ) เปิดเผยว่า บริษัทย่อยที่ ACE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 จำนวน 14 บริษัท ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 18 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตเสนอขาย (PPA) รวม 112.73 เมกะวัตต์ คาดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ภายในช่วงปี 67-70 ช่วยส่งเสริมให้เป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ คืบหน้ามากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน ACE ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ที่จะเข้าร่วมประมูลอีกเป็นจำนวนมากซึ่งอยู่ระหว่างรอการเปิดประมูลจากภาครัฐ

ขณะที่การประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียน สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง ระยะที่สอง จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ ที่ภาครัฐเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มในอนาคตก็มีความสนใจและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลด้วย

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทได้ผ่านการพิจารณาเกณฑ์คัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จำนวน 19 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 359.487 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายรวม 194.5 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอร์รี่ 17 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 315.196 เมกะวัตต์, พลังงานลม 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม 1 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 4.291 เมกะวัตต์ โดยบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยบริษัทวางเป้าหมายปี 66 รายได้ 10,000 -11,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน


นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนจำนวน 9 บริษัท ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลตามประกาศคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน รวม 339.3 เมกะวัตต์ ทั้งพลังงนลมและแสงอาทิตย์ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตจาก 3,338 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 65 เป็น 4,700 เมกะวัตต์ ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC กล่าวว่า แม้บริษัทไม่ได้รับการคัดเลือกในรอบนี้ บริษัทก็พร้อมที่จะรอเข้ารวมโครงการในระยะที่ 2 ที่จะเปิดรับซื้อไฟฟ้าราว 3,660 เมกะวัตต์ต่อไป โดยบริษัทเสนอ 6 โครงการ เป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 14.25 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ บริษัทคาดมีรายได้รวมในปี 2566 จะอยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10-15% จากปีก่อน ขณะที่การเติบโตของกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายเฉลี่ย 20% ต่อปี จากปี 2565 EBITDA อยู่ที่ 241.15 ล้านบาท จากการขับเคลื่อนการลงทุนในธุรกิจเทรดดิ้ง และธุรกิจการผลิตพลังงาน

โดยปี 2566 บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุนราว 200-300 ล้านบาท เบื้องต้นมีแผนจะใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนภูผาม่าน จ.ขอนแก่น กำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์ ใช้เชื้อเพลิงหญ้าเนเปียร์ 300 ตันต่อวัน แบ่งเป็น 2 หน่วยผลิต หน่วยละ 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งหน่วยแรกคาดว่าจะเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไตรมาส 3 ปีนี้ และหน่วยที่ 2 อีก 1.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ไตรมาส 4 ปีนี้ โดยบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้อีกประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อทำให้โรงไฟฟ้ามีความสมบูรณ์มากขึ้น จากตอนก่อสร้างที่ลงทุนไปแล้วประมาณ 300 ล้านบาท

อีกทั้งหลังจากบริษัท ได้รับสัมปทานจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ให้เป็นผู้ดำเนินการ (operator) ในกิจการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบจากแหล่งปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 และ L11/43 จ.สุโขทัย ซึ่งในเดือน ต.ค.2565 บริษัทประสบความสำเร็จจากการขุดเจาะลอตแรกจาก L11/43 สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีแผนจะเปิดหลุม L10/43 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 300 บาร์เรลต่อวัน เป็น 500 บาร์เรลต่อวัน เพื่อขายให้กับ ปตท. คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการจัดการขยะ เพื่อผลิตพลังงานทดแทน และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ที่นำกลับมาใช้ใหม่ที่นครเวียงจันทน์ สปป ลาว ซึ่งเฟสแรกเป็นโครงการบริหารจัดการขยะได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จ และได้ต่อยอดการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ หรือ RDF3 โดยเซ็นสัญญาขาย RDF3 ให้กับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ใน สปป ลาว กำลังการผลิต 120 ตันต่อวัน คาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือน พ.ค.นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจเทรดดิ้ง ซึ่งเป็นการจำหน่ายสายเคมีอุปกรณ์ และเครื่องจักร โดยบริษัทเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมและพลังงาน เชิงรุก ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ พัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

ด้าน บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (“WHAUP”) ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เฟส 1 สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]