กรุงเทพ 8 มี.ค.-ไทยออยล์เปิดแผนลงทุนในอีก 3 ปีข้างหน้า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้จะทุ่มงบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ลงทุนในพลังงานสะอาด 50% นอกจากยังนี้ยังมีแผนขยายโรงไฟฟ้าและอีก 270 ล้านเหรียญสหรัฐจะลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมี
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยออยล์ เริ่มลงทุนในต่างประเทศที่ประเทศอินโดนีเชียในปี 2018 โดยลงทุนในบริษัท จันดรา แอสรี่ ในปี 2022-2025 คือ ช่วงเวลาเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งโดยใช้หลักยุทธศาสตร์ 3 วี คือ Value Maximization ต่อยอดธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง Value Enhancement เสริมความแข็งแกร่งในประเทศ ขยายตลาดและกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจไทยออยล์ในอนาคต Value Diversification การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆโดยเฉพาะธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจ New S-Curve อื่นๆให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้เป้าหมายหลักของไทยออยล์ในปีนี้ จะเร่งโครงการสำคัญตามแผนกลยุทธ์ เช่น โครงการพลังงานสะอาด ตลอดจนเตรียมความพร้อมขยายตลาดในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซียและอินเดีย พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสเข้าสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น ธุรกิจสารเคมีที่ใช้เพื่อการยับยั้งและจำกัดเชื้อโรครวมถึงสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
สำหรับการลงทุนในอินโดนีเซีย จะมีการตัดสินใจในช่วงกลางปี 2566 เพราะจะต้องมีเรื่องของเงื่อนไขเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ถ้าสถานการณ์การตลาดยังไม่ฟื้นตัว จะเลื่อนการตัดสินใจไปเป็นปลายปี 2566 แทน ซึ่งการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทางกลุ่มไทยออยล์ ถือหุ้น 15% การลงทุนในส่วนนี้คาดว่าจะใช้เงินราว 270 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งแผนการลงทุนในอีก 3 ปีข้างหน้าอีกประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท โดย 50% ของการลงทุนจะอยู่ที่โครงการพลังงานสะอาดและขยายโรงไฟฟ้า
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า จากเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ทางกลุ่มไทยออยล์ จึงได้ปรับเป้าหมายในปี 2030 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอยู่ที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและธุรกิจใหม่ๆ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5% เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก
นอกจากนี้นายบัณฑิต ยังได้เสนอแนวคิด “TOP for The Great Future” ขับเคลื่อนธุรกิจให้มั่นใจว่า ไทยออยล์จะบรรลุวิสัยทัศน์และเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้ได้อย่างสำเร็จด้วย โดยคำว่า “TOP” มาจาก
T-Transformation ทรานฟอร์มธุรกิจในทุกมิติให้มั่นใจว่า องค์กรพร้อมขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายใหม่ สร้างธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการมุ่งไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพิ่มศักยภาพของพนักงานและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
O-Operation to Business Excellence ยกระดับการทำงานปัจจุบันจาก Operation Excellence ไปสู่ Business Excellence สร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยระบบงานระดับ World Class ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและทีมงานมืออาชีพ สู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ
P-Partnership and Platform สร้างการเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศรวมถึงใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มต่างๆที่มีอยู่ให้เข้าถึงธุรกิจใหม่และการขยายธุรกิจในอนาคต
ทั้งนี้ในฐานะที่ไทยออยล์เป็นกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่สุดติด 1 ใน 3 ของไทย นายบัณฑิต ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงสิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลใหม่ ด้วยว่า ไม่ว่าพรรคใดจะมาเป็นรัฐบาล ทางกลุ่มไทยออยล์ พร้อมตอบสนองเรื่องของพลังงานและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยสิ่งที่อยากได้มากที่สุดจากรัฐบาลใหม่ คือ ความต่อเนื่องเรื่องนโยบายด้านพลังงานของชาติที่ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย