EXIM BANK ประกาศจุดยืนใหม่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” นำพาผู้ประกอบการไทย “กล้า” ก้าวสู่โลก Next Normal อย่างมั่นคง ยั่งยืน

30 พ.ย. – คุณเชื่อไหม? วันหนึ่งประเทศไทยจะเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร? ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางพลังงานสะอาดของอาเซียน? สมุนไพรไทยจะกลายเป็นทางออกของสุขภาพโลก?


ภาพเหล่านี้เป็นความฝันของธุรกิจไทย…ที่จะไม่มีวันเป็นจริงได้ ถ้าไม่มีใครลงมือทำ

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นำโดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ประกาศในงาน “รวมพลคนกล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ณ สามย่านมิตรทาวน์ว่า “EXIM BANK กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย”


กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2537 ทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุนของผู้ประกอบการไทย ด้วยการให้เงินทุนหมุนเวียน สินเชื่อโครงการลงทุน บริการประกันการส่งออกและลงทุน และบริการอื่น ๆ ครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการไทย “กล้า” เริ่มต้นและขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

เมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป ซ้ำเติมภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น EXIM BANK ได้ใช้ “ความกล้า” ทำหน้าที่รับความเสี่ยงมากกว่า ให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่สู่อนาคต และหนุนทุนไทยไปสยายปีกในต่างแดน ภายใต้ภารกิจ “ซ่อม สร้าง เสริม สานพลัง” การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain อย่างยั่งยืน เคียงข้างผู้ประกอบการไทยที่มีฝันให้กล้าปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ในบทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย”

นอกจากบทบาทที่ผ่านมาของ EXIM BANK ในการช่วยเหลือธุรกิจสายการบินที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราวจากผลกระทบของ COVID-19 จนเมื่อ COVID-19 คลี่คลายลง สายการบินทั้งหมดได้กลับมาดำเนินงานเป็นปกติ ไม่เพียงแต่พนักงานจำนวนมากจะไม่ถูกเลิกจ้าง ประชาชนยังได้รับประโยชน์จากการได้รับความสะดวกในการเดินทางเช่นกัน และความกล้าให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่และหนุนทุนไทยไปต่างแดน


EXIM BANK ได้ประกาศจะใช้ 3 เครื่องมือใหม่ บนจุดยืนใหม่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” พร้อมสัญญาจะเดินเกมรุกปั้นผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) เชื่อมโยง Supply Chain โลก โดยตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 300,000 ล้านบาทภายในปี 2570

  1. บริการสร้างตัวตนแบบครบวงจรให้ SMEs ไทยในเวทีโลก ด้วยเครื่องมือทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน ตั้งแต่การให้ข้อมูล บ่มเพาะ อบรมสัมมนา และให้บริการทางการเงินที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้เกษตรกรรุ่นใหม่ วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ และผู้ประกอบการรายย่อย สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก Nobody เป็น Somebody ในตลาดโลกได้
  2. บริการสร้างโอกาสการลงทุนในต่างแดน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางที่มีศักยภาพ (Amazing M) ในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างฐานการผลิตและขยายเครือข่ายทางการค้า
  3. บริการยกระดับธุรกิจไทยสู่ BCG Model มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาล สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่รายย่อย รายกลาง ไปจนถึงรายใหญ่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ร่วมขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจ BCG ในประเทศไทย เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนและพัฒนาเครื่องมือทางการเงินเพื่อระดมทุนไปใช้สนับสนุนธุรกิจ BCG ของไทย

ดร.รักษ์ กล่าวว่า ความกล้าที่จะขึ้นมาเป็นเสาหลักในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจนั้น จำเป็นที่จะต้องทำคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนองค์กร (Transformation) ซึ่ง EXIM BANK กล้าเปลี่ยนโมเดลธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วยสมการ 4P โดยให้ความสำคัญกับคน (People) เป็นอันดับแรก เริ่มต้นจากพนักงาน มุ่งสร้าง Empathic Workplace ให้สะท้อนผลการให้บริการที่ดีไปสู่ลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะคนตัวเล็กในโลกธุรกิจ ตลอดจนผู้คนในชุมชนและสังคม ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงโลก (Planet) โดยการสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะ สร้างโลกที่ดีขึ้น บวกกับความมุ่งมั่นให้บริการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด (Productivity) ไม่ว่าจะเป็นบริการที่รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า (Value Proposition) ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยโมเดลธุรกิจดังกล่าวจะช่วยสร้างกำไร (Profit) และการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเติบโตไปด้วยกัน (Inclusive Growth) โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธีเปิดงาน “รวมพลคนกล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” ได้สนับสนุนนโยบายและบทบาทของ EXIM BANK ในการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศไทยที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยสู่เวทีการค้าโลก และช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ประสบกับปัญหา เนื่องจาก EXIM BANK มีความพร้อมในด้านเงินทุนและการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งกระทรวงการคลังจะสนับสนุนการเพิ่มทุนในระยะถัดไป ทั้งนี้ เพื่อให้ EXIM BANK เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนารากฐานภายในประเทศ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบที่เอื้อต่อการสร้างระบบนิเวศการค้าการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ บรรยากาศส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต สอดรับกับเมกะเทรนด์โลก ประกอบกับการเร่งสร้าง Entrepreneurship DNA ให้คนไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเติมความกล้าที่จะไม่จำกัดอยู่แค่ตลาดภายในประเทศ กล้าบุกตลาดโลกที่มีโอกาสใหม่ ๆ อีกมาก และใช้จุดแข็งของกิจการต่อยอดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐอย่าง EXIM BANK เพื่อพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain ให้เติบโตได้มั่นคงและยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ได้ ต้องใช้ “ความกล้า” เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดมิติใหม่ขององค์ความรู้ โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เครือข่ายธุรกิจ การถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา วิสาหกิจชุมชน และ SMEs ให้สามารถปรับตัวให้ก้าวทันโลก ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสรักษ์โลก และความยั่งยืน และผู้ประกอบการไทยต้องกล้าเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset) ตัวตน (Identity) และโมเดลธุรกิจ (Business Model)

ด้านกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อไปว่า การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystems) ที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ จากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีจากระบบอนาล็อกไปสู่ดิจิทัล นำไปสู่วิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal แต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น เปลี่ยนจาก New Normal ไปสู่ชีวิตวิถีถัดไปหรือ Next Normal ทำให้บริบททางสังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนจากเดิมไปโดยสิ้นเชิง การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ของผู้คนทั่วโลกสะท้อนให้เห็นเทรนด์สำคัญๆ ในอนาคต โดยเฉพาะการเปิดรับเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลใหม่ๆ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบาย โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัย และผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้การค้าการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบดั้งเดิมสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

ดร.รักษ์ กล่าวว่า โลก Next Normal ก่อให้เกิดรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ 3 แบบ
1.Stay-at-home Economy เช่น การพบปะสังสรรค์ผ่านแอปพลิเคชัน การทำธุรกิจ E-commerce การบริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน และการเลือกซื้อสินค้าผ่านประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality)
2.Touchless Society ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการสัมผัส เช่น ระบบการจัดส่งสินค้าแบบ Non-contact Delivery ระบบประตูอัตโนมัติในพื้นที่สาธารณะ รูปแบบการจ่ายเงินแบบ E-payment ใช้เทคโนโลยีการสั่งงานด้วยเสียง (Voice recognition) หรือจำลองโลกเสมือนจริง (Augmented reality) แทนการสัมผัสโดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยเป็นสำคัญ
3.Regenerative Organic ประเด็นเรื่องความปลอดภัยและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมถือเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้นเทรนด์เรื่องมาตรฐานสินค้าเกษตรที่เรียกว่า Regenerative Organic ซึ่ง ครอบคลุมการปลอดสารพิษ มาตรฐาน คุณภาพดิน การคุ้มครองสัตว์ คุณภาพชีวิตเกษตรกร ความยุติธรรมด้านค่าแรง รวมถึงระบบฟาร์มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

อย่างไรก็ตาม แม้โลกเปลี่ยน ประเทศไทยยังมีปัญหาโครงสร้างของตัวเองที่ทำให้ยังไม่อาจหลุดจากประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และ 90% ของประชากรทั้งประเทศมีเงินออมอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการภายในประเทศส่วนใหญ่ยังไม่กล้าออกไปค้าขายหรือลงทุนในตลาดต่างประเทศ จำกัดอยู่ในธุรกิจเดิม ๆ มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถสร้างแบรนด์ไทยให้ติดตลาดโลกได้จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งรัฐบาลประกาศใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการขับเคลื่อนแทนอุตสาหกรรมเก่า EXIM BANK จึงขานรับนโยบายของกระทรวงการคลัง เดินหน้าขยายบทบาทการเป็นผู้นำ (Lead Bank) ที่ “กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย (One Step Ahead for All Development)” สร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในเวทีโลก โดยการเติมทุน เติมความรู้ เติมเครือข่าย “ปั้นดินให้เป็นดาว ปั้นคนตัวเล็กให้เป็นคนตัวใหญ่” ทำให้ธุรกิจทุกไซส์มีที่ยืนบนเวทีโลก ด้วยบริหารของ EXIM BANK ที่ครบจบในที่เดียว ตอบทุกโจทย์ของผู้ประกอบการไทย .

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย