ออสเตรเลียประกาศหยุดพัฒนาวัคซีนโควิด
ทางการออสเตรเลียตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศแล้ว เนื่องจากทำให้กลุ่มอาสาสมัครมีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม
ทางการออสเตรเลียตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศแล้ว เนื่องจากทำให้กลุ่มอาสาสมัครมีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกปลอม
บรัสเซลส์ 11 ธ.ค.- ผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักรหรือยูเค (UK) อาจถูกห้ามเข้าสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมตามมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารอียูเผยกับซีเอ็นเอ็น (CNN) ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป ผู้เดินทางจากยูเคจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดเช่นเดียวกับผู้เดินทางจากประเทศนอกกลุ่มอียู ที่ห้ามการเดินทางเข้ายุโรปโดยไม่จำเป็น อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมว่า ยูเคไม่ได้เป็นภาคีในข้อตกลงเชงเกนที่ให้คนเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และเมื่อช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของการที่ยูเคออกจากอียูหรือเบร็กซิตจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม ยูเคก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับสมาชิกอียูอีกต่อไป คณะมนตรียุโรปซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลสมาชิกอียูออกคำแนะนำเรื่องมาตรการจำกัดโรคโควิด-19 ให้ใช้เกณฑ์อ้างอิงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศนั้น ๆ ว่าดีหรือแย่กว่าสถานการณ์เฉลี่ยในอียู และให้พิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น มาตรการควบคุมด้านการรักษาระยะห่างทางกายภาพ ข้อคำนึงทางเศรษฐกิจและสังคม อียูมีมติในเดือนตุลาคมว่า มีเพียง 8 ประเทศเท่านั้นที่เข้าเกณฑ์ประเทศปลอดภัย เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ขณะที่ยูเคมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในยุโรปกว่า 62,000 คน.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 11 ธ.ค. – ที่ปรึกษาระดับสูงของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเตือนชาวอเมริกันงดจัดงานเลี้ยงฉลองเทศกาลคริสต์มาส และเตรียมรับมือกับการระบาดรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ดร. ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม วัย 67 ปี ที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายไบเดนกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐว่า สหรัฐจะยังคงเผชิญกับการระบาดรุนแรงของโรคโควิด-19 ในอีก 3 – 6 สัปดาห์ข้างหน้าเป็นอย่างน้อย การระบาดจะยังไม่สิ้นสุดแม้ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวที่จะทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างมาก เขาเน้นย้ำว่า คงต้องใช้เวลานานอีกหลายเดือนกว่าที่สหรัฐจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ใช้อย่างแพร่หลาย แม้ว่าวัคซีนจะได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน ดร. ออสเตอร์โฮล์มยังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยควบคุมการระบาดด้วยการจำกัดการพบปะทางสังคมให้อยู่ในภายในครอบครัวเท่านั้น โดยเฉพาะการงดจัดงานฉลองเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งไม่มีความปลอดภัยในขณะนี้ คณะกรรมการอิสระที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น แนะนำให้องค์การอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคเป็นการฉุกเฉิน คาดว่าเอฟดีเออาจประกาศอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวภายในไม่กี่วันข้างหน้า เปิดทางให้ทางการสหรัฐสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วไปได้เร็วสุดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสระมีกำหนดประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นา บริษัทยาสัญชาติอเมริกันในสัปดาห์หน้าเช่นกัน ทางการสหรัฐรายงานวานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 3,252 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในสหรัฐ และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 219,000 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 15.6 ล้านคน […]
โซล 11 ธ.ค.- เกาหลีใต้จะระดมทหารในกรุงโซลช่วยบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้ารับมือกับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 689 คน ในจำนวนนี้ 673 คนเป็นการติดเชื้อในประเทศ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 40,786 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 คน รวมเป็น 572 คน ทางการต้องเร่งนำตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว เพื่อลดความตึงตัวของโรงพยาบาลทั่วประเทศ ขณะที่ยอดผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 170 คน นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุนกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ว่า การระบาดระลอกปัจจุบันเป็นวิกฤตใหญ่ เขาจะส่งทหาร ตำรวจและคนทำงานของรัฐบาลราว 800 คน ลงทุกพื้นที่ของกรุงโซลและปริมณฑล เพื่อช่วยติดตามหาผู้ที่อาจติดเชื้อแล้ว เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์แนวหน้าและเจ้าหน้าที่แพทย์มีภารกิจที่ต้องทำไม่สิ้นสุดในการสอบสวนโรค ตรวจหาเชื้อ และพยายามหาเตียงให้ผู้ป่วย เพราะหลายพื้นที่รวมทั้งกรุงโซลและปริมณฑลมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นไม่หยุด หนทางที่จะชะลอการระบาดระลอกปัจจุบันได้คือ ต้องมีชัยชนะในการป้องกันการติดเชื้อในกรุงโซลและปริมณฑล.-สำนักข่าวไทย
ปราก 10 ธ.ค. – สาธารณรัฐเช็กเตรียมขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปจนถึงวันที่ 23 ธันวาคมนี้ หลังพบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ทางการเช็กรายงานว่า วานนี้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 6,402 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ป่วยสูงสุดตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 563,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 9,200 คน นายแยน แบลตนี รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเช็กกล่าวว่า หากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงแย่ลงไปเรื่อย ๆ ทางการอาจต้องประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้งในวันจันทร์หน้า ก่อนหน้านี้ ทางการเช็กได้ผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดบางส่วนในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอนุญาตให้ร้านอาหาร บาร์ ร้านขายของขนาดเล็ก พิพิธภัณฑ์ และแกลลอรี่สามารถเปิดบริการได้ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการรวมตัวของประชาชน อย่างไรก็ดี ทางการกลับใช้คำสั่งให้ร้านอาหารต้องปิดบริการหลังเวลา 20.00 น. ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะที่ผับหลายแห่งทั่วประเทศฝ่าฝืนมาตรการดังกล่าวด้วยการเปิดร้านต่อไปทั้งที่ล่วงเลยเวลาและอาจเสียค่าปรับจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีเช็กหลายคนถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่ไม่สัมพันธ์กับมาตรการควบคุมการระบาดระดับ 5 ของรัฐบาลเช็กที่ประกาศใช้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เช็กพบยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้นราว 15,000 คนในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง […]
ปักกิ่ง 10 ธ.ค.- จีนจะยกเลิกการยกเว้นตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่าให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางการทูตสหรัฐที่จะเดินทางเข้าฮ่องกงและมาเก๊า หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรทางการเงินและห้ามเดินทางกับเจ้าหน้าที่จีนสิบกว่าคน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงวันนี้ว่า นอกจากจะยกเลิกการยกเว้นวีซ่าแล้ว จีนยังจะใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบเดียวกันกับเจ้าหน้าที่สหรัฐ สมาชิกรัฐสภา คนขององค์กรนอกภาครัฐ รวมไปถึงสมาชิกครอบครัวที่มีพฤติกรรมเลวร้ายเรื่องฮ่องกง ขอเรียกร้องสหรัฐอย่าถลำลึกในเส้นทางอันตรายและผิดพลาดมากไปกว่านี้ อย่างไรก็ดี โฆษกไม่เปิดเผยชื่อชาวอเมริกันที่จะถูกคว่ำบาตร หรือจะเริ่มคว่ำบาตรเมื่อใด สหรัฐประกาศเมื่อวันจันทร์คว่ำบาตรทางการเงินและห้ามเดินทางกับเจ้าหน้าที่จีน 14 คน ที่มีส่วนร่วมต่อการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกับฮ่องกงเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน และการประกาศให้สมาชิกสภาฝ่ายค้านฮ่องกงที่มาจากการเลือกตั้งขาดคุณสมบัติเมื่อเดือนก่อน ส่วนเมื่อเดือนสิงหาคมรัฐบาลสหรัฐประกาศคว่ำบาตรนางแคร์รี หล่ำ ผู้นำฮ่องกงและเจ้าหน้าที่ 10 คน โทษฐานจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกระหว่างปราบปรามการเรียกร้องประชาธิปไตย หลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการตอกย้ำจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน และบีบให้รัฐบาลโจ ไบเดนต้องสานต่อเมื่อรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 10 ธ.ค. – ออสเตรเลียเล็งกระตุ้นยอดส่งออกฝ้ายไปยังตลาดอื่นมากขึ้น หลังจีนสั่งห้ามโรงงานนำเข้าฝ้ายจากออสเตรเลีย ขณะที่จีนจะใช้มาตรการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้เป็นการชั่วคราวกับไวน์นำเข้าที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางการจีนสั่งห้ามโรงงานผลิตฝ้ายนำเข้าฝ้ายจากออสเตรเลีย ซึ่งมีมูลค่าราว 900 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 20,260 ล้านบาท) ท่ามกลางความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมส่งออกฝ้ายของออสเตรเลียเผยว่า ปกติแล้วจีนนำเข้าฝ้ายถึงร้อยละ 60 ของที่ออสเตรเลียส่งออกทั้งหมด ความสัมพันธ์ที่ถดถอยของทั้งสองประเทศทำให้ออสเตรเลียต้องกระตุ้นการส่งออกฝ้ายไปยังเวียดนาม ไทย และประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียแทนจีน นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักตามแนวชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาทำให้ออสเตรเลียผลิตฝ้ายได้สูงถึง 506,000 ตัน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561 และทำให้ผู้ส่งออกฝ้ายของออสเตรเลียต้องหาตลาดทางเลือกใหม่นอกเหนือไปจากจีน ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศวันนี้ว่า จะใช้มาตรการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตอบโต้เป็นการชั่วคราวกับไวน์นำเข้าที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งส่งผลให้ผู้นำเข้าไวน์ออสเตรเลียที่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนเรื่องรับการอุดหนุนจะต้องวางเงินมัดจำให้ศุลกากรจีน ผู้บริหารสมาคมผู้ปลูกองุ่นและผู้ค้าไวน์ของออสเตรเลียกล่าวว่า ผู้ผลิตไวน์ได้ตัดสินใจปรับแผนการส่งออกไวน์ไปยังตลาดอื่นแทน หลังจากจีนเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้การทุ่มตลาดเมื่อเดือนก่อนในอัตราร้อยละ 107.1-212.2 ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2561 เมื่อออสเตรเลียเป็นประเทศแรกในโลกที่สั่งห้ามบริษัทหัวเว่ยของจีนให้บริการเครือข่าย 5G และยิ่งทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นหลังจากออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการสอบสวนเพื่อหาต้นเหตุการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19. -สำนักข่าวไทย
โตเกียว 10 ธ.ค.- รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่า ธนาคารญี่ปุ่นที่มีสาขาในสหรัฐจะต้องปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรฮ่องกงของสหรัฐที่ห้ามการทำธุรกรรมในชื่อของนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารฮ่องกง รัฐบาลญี่ปุ่นแถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารว่า รัฐบาลได้ขอให้กลุ่มการเงินญี่ปุ่นที่มีสำนักงานในต่างประเทศคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่า ระเบียบและกฎหมายว่าด้วยการคว่ำบาตรในประเทศเหล่านั้นอาจเข้มงวดกว่าของญี่ปุ่น เป็นการชี้แจงตามที่นายจิน มัตสึบาระ ส.ส.พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นหรือซีดีพี (CDP) ที่เป็นฝ่ายค้านยื่นถามเป็นลายลักษณ์อักษร นายมัตสึบาระวัย 64 ปี ผู้ประกาศตัวสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเผยกับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ของฮ่องกงว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าสถาบันการเงินญี่ปุ่นต้องระงับบัญชีธนาคารของนางหล่ำจะมีผลติดตามมา เขาเชื่อว่ารัฐบาลได้สั่งกลุ่มธนาคารญี่ปุ่นที่มีสาขาในสหรัฐไม่ให้ทำธุรกรรมกับผู้ที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตร แม้ว่าอยู่นอกเหนืออำนาจตุลาการของสหรัฐก็ตาม เท่ากับว่าขณะนี้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐมีผลใช้ในญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ ไม่เพียงแต่นางหล่ำที่ถูกอายัดบัญชีธนาคารในญี่ปุ่น แต่ยังครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่จีนที่มีรายชื่อทุกคน ทำให้ไม่สามารถขายยอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ในญี่ปุ่นได้ เรื่องนี้จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งร่ำรวยมากและอาจลงทุนในญี่ปุ่นไม่พอใจอย่างยิ่ง กระทรวงคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรนางหล่ำและเจ้าหน้าที่ 10 คนในเดือนสิงหาคม โทษฐานบ่อนทำลายการปกครองตนเองของฮ่องกง จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกหรือการชุมนุมของพลเมืองฮ่องกง จากการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในเดือนมิถุนายน นางหล่ำถูกระบุว่า รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินการตามนโยบายจีนที่กดขี่เสรีภาพและกระบวนการประชาธิปไตย เธอยอมรับว่า ไม่ได้รับความสะดวกเพราะต้องใช้เงินสดในการจับจ่าย แต่รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลจีน.-สำนักข่าวไทย
จาการ์ตา 10 ธ.ค.- นักวิเคราะห์เตือนว่า อินโดนีเซียวางเดิมพันสูงมากเรื่องใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของจีน เพราะเสี่ยงติดหนี้บุญคุณทางการทูตกับจีน จีนรับปากจัดสรรวัคซีนให้แก่ประเทศยากจน เอเอฟพีมองว่าเป็นความพยายามฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่เสียหายเพราะโรคโควิด-19 ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีนเป็นแห่งแรกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน อินโดนีเซียมีสถานการณ์การระบาดรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงสาธารณสุขแถลงวานนี้ว่า มีผู้ป่วยใหม่ 6,058 คน ทำให้ยอดสะสมอยู่ที่ 592,900 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 171 คน รวมเป็น 18,171 คน อินโดนีเซียได้รับวัคซีนโคโรนาแวกจากซิโนแวกไบโอเทคของจีนแล้ว 1.2 ล้านโดสในสัปดาห์นี้ และอีก 1.8 ล้านโดสในเดือนหน้า จากที่ลงนามสั่งซื้อไว้ทั้งหมดกว่า 350 ล้านโดสจากหลายบริษัท ทั้งที่อินโดนีเซียเพิ่งทดลองโคโรนาแวกทางคลินิกในฤดูร้อน และยังไม่ได้รับการอนุมัติใช้งานจากทางการทั้งสองประเทศ นักวิเคราะห์ของสถาบันยูซอฟอิสฮัคในสิงคโปร์ระบุว่า “การทูตวัคซีน” ของจีนไม่ใช่เรื่องไร้เงื่อนไข จีนอาจใช้การบริจาควัคซีนเดินหน้าวาระในภูมิภาค โดยเฉพาะเรื่องอ่อนไหวอย่างข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ขณะที่นักวิจัยศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษาในกรุงจาการ์ตามองว่า ความร่วมมือวัคซีนกับจีนเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะจะส่งผลทางอ้อมติดตามมา และการที่อินโดนีเซียต้องพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานทางการแพทย์จากจีนในระยะยาว แม้ตอนนี้ยังไม่เห็นการต่างตอบแทนจริงจังใด ๆ แต่ทุกคนในอินโดนีเซียตระหนักดีว่า อาจติดหนี้บุญคุณทางการทูตกับจีน ทำให้ขยับตัวทางการทูตได้ยากขึ้น และต้องระมัดระวังที่จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีถูกกระทบ.-สำนักข่าวไทย
โตเกียว 10 ธ.ค. – กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเตรียมซื้อตู้แช่แข็งอุณหภูมิติดลบ 10,500 ตู้และน้ำแข็งแห้งจำนวนมากเพื่อใช้ในการเก็บรักษาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นระบุว่า ไฟเซอร์และโมเดอร์นา บริษัทยาของสหรัฐ และทาเคดา ฟาร์มาซูติคอล บริษัทเภสัชภัณฑ์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นวางแผนร่วมกันเรื่องสร้างเครือข่ายเพื่อเก็บรักษาวัคซีนในอุณหภูมิที่เหมาะสมในระหว่างการจัดส่งวัคซีนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ทางการญี่ปุ่นทำข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 290 ล้านโดสจากไฟเซอร์ แอสตราเซนเนกา และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอสำหรับประชากรญี่ปุ่น 145 ล้านคนที่ต้องได้รับวัคซีนคนละ 2 โดส อย่างไรก็ดี การเก็บรักษาวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาทำให้เกิดปัญหาด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากวัคซีนของทั้งสองบริษัทต้องได้รับการเก็บรักษาที่อุณหภูมิติดลบ 75 องศาเซลเซียสและติดลบ 20 องศาเซลเซียสตามลำดับ ขณะนี้ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 165,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คน กรุงโตเกียวเป็นพื้นที่ที่ระบาดหนักที่สุด และรายงานวันนี้ว่าพบผู้ป่วยใหม่ 352 คน. -สำนักข่าวไทย
สิงคโปร์ 10 ธ.ค.- อังกฤษประกาศว่า กลับมาเป็นกำลังใหญ่ทางการค้าอีกครั้ง ขณะลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ (FTA) กับสิงคโปร์ เป็นข้อตกลงการค้าฉบับล่าสุดก่อนที่จะสิ้นสุดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) จะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิตในสิ้นปีนี้ นางเอลิซาเบธ ทรัสส์ รัฐมนตรีการค้าอังกฤษกล่าวก่อนลงนามกับนายชาน ชุนซิง รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ที่สิงคโปร์ในวันนี้ว่า ยูเคได้กลับมาเป็นประเทศเอกราชและกำลังหลักของการค้าโลกอีกครั้ง หลังจากสิงคโปร์เป็นเอกราชมาแล้ว 55 ปี ทั้งสองประเทศกำลังร่วมกันปูทางไปสู่อนาคตที่สดใสกว่าเดิม อุดมไปด้วยศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจ รอยเตอร์รายงานว่า เอฟทีเออังกฤษ-สิงคโปร์มีเนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายกับเอฟทีเอที่สิงคโปร์ลงนามกับอียู สิงคโปร์ซึ่งมีประชากร 5.7 ล้านคน ถือว่าอังกฤษเป็นคู่ค้าสินค้าใหญ่อันดับสาม คู่ค้าบริการใหญ่อันดับสอง และจุดหมายการลงทุนอันดับหนึ่งในยุโรป ข้อมูลของทางการสิงคโปร์ระบุว่า การค้าทวิภาคีปีที่แล้วมีมูลค่า 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 406,025 ล้านบาท) การลงนามเอฟทีเอนี้มีขึ้นในขณะที่ผู้นำยูเคและอียูพยายามหาทางบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อเลี่ยงความโกลาหลที่อาจเกิดขึ้นหากเบร็กซิตโดยไร้ข้อตกลง ยูเคเป็นสมาชิกประเทศแรกที่ถอนตัวจากอียูหลังจากเข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2516 และลงประชามติในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ว่าจะออกจากอียู เดิมกำหนดต้องออกภายในวันที่ 29 มีนาคม […]
อึยวัง 10 ธ.ค. – นักศึกษาเกาหลีใต้คิดค้นวิธีแก้ปัญหาขยะพลาสติกที่เกิดจากหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวด้วยการนำมาทำเก้าอี้ คิม ฮานึล นักศึกษาด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์วัย 23 ปีเริ่มตั้งกล่องรับบริจาคหน้ากากอนามัยใช้แล้วที่มหาวิทยาลัยเควอนเพื่อศิลปะและการออกแบบในเมืองอึยวังทางตอนใต้ของกรุงโซลตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขารวบรวมหน้ากากใช้แล้วได้ราว 10,000 ชิ้น และได้รับหน้ากากที่ไม่ได้มาตรฐานกว่า 1 ตันจากโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย คิมนำหน้ากากที่ใช้แล้วไปเก็บไว้ในห้องอย่างน้อย 4 วันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากนั้น เขาจึงเริ่มขั้นตอนการตัดสายรัดและเส้นลวดบนหน้ากาก ใช้ปืนเป่าลมร้อนใส่หน้ากากที่อยู่ในแท่นพิมพ์ แล้วหลอมละลายหน้ากากด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 300 องศาเซลเซียสจนกลายเป็นเก้าอี้ไร้พนัก 3 ขาที่มีความสูง 45 เซนติเมตร ทำมาจากหน้ากากอนามัยหลากหลายสี แล้วนำไปจัดแสดงในงานนิทรรศการจบการศึกษา คิมตั้งใจว่าจะสร้างเฟอร์นิเจอร์ประเภทอื่น ๆ เช่น เก้าอี้ โต๊ะ หรือหลอดไฟจากหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว เขาได้เน้นย้ำให้รัฐบาลเกาหลีใต้และบริษัทเอกชนเห็นถึงความสำคัญของการนำหน้ากากอนามัยใช้แล้วมารีไซเคิลโดยการตั้งจุดรับบริจาค ขณะที่ข้อมูลของทางการเกาหลีใต้ระบุว่า เดือนกันยายนเดือนเดียวเกาหลีใต้ผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 1 พันล้านชิ้นเพื่อใช้ในประเทศ. -สำนักข่าวไทย