Krasheninnikov volcano in Russia's far east starts erupting

ภูเขาไฟรัสเซียปะทุรอบหลายร้อยปี

มอสโก 3 ส.ค. – ภูเขาไฟบนคาบสมุทรคัมชัตกาปะทุขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น สื่อทางการและนักวิทยาศาสตร์รัสเซียคาดว่าอาจเป็นผลจากแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 วันก่อน สำนักข่าวทาสส์และสำนักข่าวเรียของทางการรัสเซียรายงานอ้างแถลงการณ์ที่ทีมรับมือเหตุภูเขาไฟปะทุคัมซัตกาโพสต์ในช่องเทเลแกรมของสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหววิทยาว่า ภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟ (Krasheninnikov) ปะทุเมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 2 สิงหาคมตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 02.50 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถยืนยันการปะทุของภูเขาไฟลูกในรอบ 600 ปี หลังจากที่เคยปะทุพ่นลาวาออกมาครั้งหลังสุดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งระหว่างปี 1966-2040 ขณะที่ข้อมูลของโครงการภูเขาไฟโลกของสถาบันสมิธโซเนียนในสหรัฐระบุว่า ภูเขาไฟลูกนี้ปะทุครั้งหลังสุดในปี 2093 หรือเมื่อ 475 ปีก่อน หัวหน้าทีมรับมือฯ เสริมว่า ภูเขาไฟปะทุวันนี้อาจมีความเกี่ยวโยงกับแผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมซัตกาที่อยู่ทางตะวันออกสุดของรัสเซียเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ครั้งนั้นทำให้เกิดสึนามิซัดฝั่งรัสเซีย และมีการเตือนภัยสึนามิตั้งแต่ญี่ปุ่นไปไกลถึงชิลี นับเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ที่สุดหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1 นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นในปี 2554 ที่ทำให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 15,000 คน กระทรวงเหตุฉุกเฉินของรัสเซียสาขาคัมซัตกาแจ้งว่า ภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟ ซึ่งมีความสูงจากพื้นดิน 1,856 เมตร ได้พ่นเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศถึง 6 กิโลเมตร กระแสลมได้พัดเถ้าถ่านไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก […]

Elephant in Surin Province with mahout

สื่อจีนรายงานผลกระทบท่องเที่ยวสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – สื่อทางการจีนรายงานว่า การท่องเที่ยวในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา สถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ของทางการจีนรายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ว่าได้ยุติลงชั่วคราวจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อจังหวัดสุรินทร์ของไทย ที่ซึ่งช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นกำลังแบกรับภาระหนัก   รายงานระบุว่า สัตว์ที่มีตัวใหญ่ยักษ์อย่างช้าง มีความอ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งยังไวต่อเสียงและแรงสั่นสะเทือน จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากเสียงปืนใหญ่และเสียงคำรามของยานพาหนะทางทหารที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควาญช้างในพื้นที่เล่าว่า ช้างเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว อยู่กันมาตั้งแต่ช้างลืมตาดูโลก เมื่อใดก็ตามที่เกิดระเบิดขึ้นใกล้ ๆ ช้างจะตกใจมาก และจะร้องไห้ แสดงปฏิกิริยาเหมือนคน ซีจีทีเอ็นรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นกล่าวว่า ช้างเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดสุรินทร์ ทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทุกงานทุกเทศกาลต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ล้วนมีช้างเป็นสัตว์อยู่ในงานด้วย นอกจากความสำคัญทางวัฒนธรรมแล้ว ช้างยังเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจจังหวัดสุรินทร์ เพราะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นไปที่ปางช้าง เส้นทางขี่ช้างเที่ยว และการแสดงต่าง ๆ ช่วยเกื้อหนุนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุรินทร์หลายพันครอบครัว แต่เมื่อเกิดการปะทะตามพรมแดนที่อยู่ใกล้กับสุรินทร์ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย.-815(814).-สำนักข่าวไทย

Indonesia's Lewotobi Laki-laki volcano erupts

ภูเขาไฟทางใต้ของอินโดนีเซียปะทุใหญ่

จาการ์ตา 3 ส.ค. – ภูเขาไฟบนเกาะฟลอเรส ทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย เกิดการปะทุพ่นเถ้าถ่านร้อนสูงขึ้นไปเป็นระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตร ช่วงกลางดึกวันศุกร์ หลังจากปะทุครั้งใหญ่จนทางการบาหลีต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวมาแล้วเมื่อเดือนก่อน สำนักงานภูเขาไฟวิทยาแห่งอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี (Lewotobi Laki-laki)  เกิดปะทุขึ้นอีกครั้งช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น พ่นกลุ่มควันและเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศกว่า 10 กิโลเมตร อีกทั้งยังทำให้เกิดฟ้าผ่าบริเวณที่กลุ่มควันและเถ้าถ่านปะทุจากปากปล่องภูเขาไฟ รวมถึงลาวาสีแดงที่ไหลลงมาตามเนินเขา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งนี้ และยังไม่มีประกาศยกเลิกเที่ยวบิน มีเพียงคำประกาศเตือนชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟในรัศมี 6-7 กิโลเมตร และเฝ้าระวังอันตรายจากโคลนภูเขาไฟ หากว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามชุมชนริมแม่น้ำ ปีนี้ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ปะทุต่อเนื่องหลายครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม การปะทุใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ทำให้เกิดกลุ่มควันเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศถึง 13 กิโลเมตร ส่งผลให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินบนเกาะบาหลีที่อยู่ใกล้กันถึง 24 เที่ยวบิน ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ที่แปลว่าเลอโวโตบีผู้ชาย มีความสูง 1,584 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะฟอเรส ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของจังหวัดนูซาเตงการาตะวันออก ทางตอนใต้สุดของอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟคู่แฝดกับภูเขาไฟเลอโวโตบี เปอเริมปวน (Lewotobi […]

News of Trump's tariff on India

อินเดียจะซื้อน้ำมันรัสเซียต่อไปไม่หวั่น “ทรัมป์” ขู่

นิวเดลี 3 ส.ค.- แหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียจะเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขู่ใช้มาตรการลงโทษ และจะเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐหลังจากถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมว่า จะลงโทษอินเดียเพิ่มเติมหากยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จากนั้นได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมกำหนดใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่กับหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงอินเดียที่จะต้องเสียในอัตราร้อยละ 25 ต่อมาผู้นำสหรัฐกล่าวกับสื่อในวันรุ่งขึ้นว่า ทราบมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสอินเดีย 2 คนเมื่อวันเสาร์ว่า รัฐบาลอินเดียไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ เช่นเดียวกับรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดีย 2 คนว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างฉับพลัน สัญญาซื้อขายน้ำมันเป็นสัญญาระยะยาว ไม่สามารถหยุดซื้อได้ง่าย ๆ ในชั่วข้ามคืน นอกจากนี้การที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซียยังช่วยคงราคาน้ำมันโลกไม่ให้แพงขึ้นอย่างกะทันหันด้วย ปัจจุบันอินเดียซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในราคาต่ำกว่าเพดานราคาที่สหภาพยุโรปหรืออียูกำหนดไว้ตามมาตรการลงโทษรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครน อินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าและใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยนำเข้าจากรัสเซียราว 1 ใน 3 ของการใช้งานทั้งหมด เฉพาะช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของปีนี้นำเข้าจากรัสเซีย 1.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม […]

Activity at Thailand's port

อาเซียนโล่งใจหลัง “ทรัมป์” ประกาศภาษีใหม่

กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจในวันนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้ อัตราภาษีใหม่ตามที่นายทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมครอบคลุมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกอย่างยิ่ง และหลายประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูขึ้นจากการย้ายห่วงโซ่อุปทานการผลิตมาจากจีน เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้มีมูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่ต่ำกว่า 124.8 ล้านล้านบาท) ภาษีใหม่กำหนดให้ประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา ต้องเสียภาษีศุลกากรสินค้าส่งออกไปสหรัฐในอัตราร้อยละ 19 เท่ากับที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ถูกกำหนดจากสหรัฐไปก่อนหน้านั้น ส่วนเวียดนามที่ได้อัตราภาษีใหม่เป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมต้องเสียในอัตราร้อยละ 20 ลาวและเมียนมาได้อัตราสูงถึงร้อยละ 40 แม้ว่าลดลงจากเดิม แต่ก็ถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากซีเรียที่ถูกเก็บภาษีสูงที่สุดที่ร้อยละ 41 บรูไนเสียในอัตราร้อยละ 25 ขณะที่สิงคโปร์และติมอร์เลสเตซึ่งได้เป็นสมาชิกอาเซียนในหลักการเสียตามอัตราพื้นฐานที่ร้อยละ 10 กระทรวงพาณิชย์มาเลเซียแถลงว่า อัตราภาษีใหม่ที่ลดลงจากร้อยละ 25 ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดี โดยที่มาเลเซียไม่ต้องยอมอ่อนข้อสินค้า “ห้ามล้ำเส้น” ของประเทศ  ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีคลังของไทยกล่าวว่า การที่ไทยได้ภาษีลดลงจากร้อยละ 36 ช่วยให้ประเทศสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุน และเปิดประตูไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ […]

White House wevsite on Trump modified tariffs with border

สรุปภาษีศุลกากรใหม่ของ “ทรัมป์”

วอชิงตัน 1 ส.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเย็นวันที่ 31 กรกฎาคมตามเวลาสหรัฐประกาศเก็บภาษีศุลกากรอัตราตั้งแต่ร้อยละ 15-41 กับสินค้านำเข้าจากคู่ค้าต่าง ๆ ทั่วโลก 69 คู่ค้ารวมทั้งไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนี้ เว็บไซต์ทำเนียบขาวของสหรัฐเผยแพร่คำสั่งฝ่ายบริหารเรื่อง “การแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องอัตราภาษีศุลกากรต่างตอบแทน” ว่า ประธานาธิบดีได้แก้ไขอัตราภาษีตามตารางที่ผนวกไว้ในคำสั่ง มีผลกับสินค้าเข้าสหรัฐเพื่อการอุปโภคบริโภค หรือนำออกจากโกดังเพื่อการอุปโภคบริโภค ตั้งแต่หรือหลังจากเวลา 00.01 น. วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตามเขตเวลาออมแสงตะวันออก (EDT) ซึ่งช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง เพื่อให้สำนักงานศุลกากรและการปกป้องชายแดนมีเวลาเพียงพอในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพื่อการเก็บภาษีอัตราใหม่ ขณะที่บางฝ่ายมองว่า ผู้นำสหรัฐยืดเวลาการบังคับใช้ภาษีออกไป 7 วัน เพื่อเปิดช่องให้คู่ค้าต่าง ๆ พยายามเจรจาให้สหรัฐลดอัตราลงอีกครั้ง คำสั่งดังกล่าวระบุว่า อัตราภาษีพื้นฐานร้อยละ 10 จะใช้กับคู่ค้าที่สหรัฐได้ดุลการค้า อัตราภาษีพื้นฐานร้อยละ 15 จะใช้กับคู่ค้าที่สหรัฐขาดดุลการค้า โดยมีคู่ค้าเข้าข่ายนี้ประมาณ 40 คู่ค้า ขณะที่หลายสิบคู่ค้าที่ได้รับอัตราภาษีสูงขึ้นไปจากอัตรานี้ เนื่องจากได้ทำกรอบข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ […]

Thai-Cambodia-Malaysia leaders holding hands

สื่อมาเลเซียเผยทั่วโลกยกย่องช่วยเจรจาไทย-กัมพูชา

กัวลาลัมเปอร์ 29 ก.ค.- สื่อทางการมาเลเซียรายงานว่า มาเลเซียได้รับการยกย่องและเป็นที่สนใจจากทั่วโลก กรณีเป็นคนกลางให้ไทยและกัมพูชาตกลงหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข เว็บไซต์สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานวันนี้ว่า การที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมประสบความสำเร็จในการเป็นคนกลางให้เกิดการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างไทยกับกัมพูชา ได้เรียกเสียงชื่นชมจากนานาชาติ และทำให้มาเลเซียอยู่ในความสนใจของประชาคมโลกด้วยเหตุผลที่ชอบแล้ว เบอร์นามาระบุว่า สื่อใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง เช่น บีบีซีของอังกฤษ นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐ อัลจาซีราของกาตาร์ รอยเตอร์ของอังกฤษ เอพีของสหรัฐ และเอเอฟพีของฝรั่งเศส ล้วนรายงานข่าวอย่างให้ความสำคัญกับข้อตกลงสันติภาพที่มีการเจรจาไกล่เกลี่ยที่เมืองปุตราจายาของมาเลเซีย หลังจากที่สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาดำเนินมาเป็นเวลา 5 วัน เบอร์นามาตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่ามีมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีนเข้ามาข้องเกี่ยว แต่บทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานวาระปัจจุบันของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีความสำคัญในการป้องกันการเกิดวิกฤตมนุษยธรรมในวงกว้าง อันเกิดจากความขัดแย้งชายแดนที่เกิดขึ้นมายาวนานเป็นศตวรรษ และล่าสุดได้คร่าชีวิตผู้คนไม่กว่า 30 คน และมีผู้ต้องหนีภัยออกจากบ้านเรือนมากกว่า 300,000 คนภายในเวลาเพียง 5 วัน สื่อทางการมาเลเซียระบุด้วยว่า ความสำเร็จของนายกรัฐมนตรีอันวารได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง แม้แต่สหรัฐก็ยอมรับในความเป็นผู้นำของมาเลเซีย ด้วยการที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ขอบคุณ และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเลเซียแสดงบทบาทสำคัญในการเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระดับภูมิภาค ที่ผ่านมามาเลเซียเคยมีส่วนร่วมในความพยายามสร้างสันติภาพในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย ภาคใต้ของไทย และภาคใต้ของฟิลิปปินส์.-814.-สำนักข่าวไทย

Trump's post on Thai-Cambodia agree on ceasefire

“ทรัมป์” ไฟเขียวเจรจาการค้าไทย -กัมพูชา

เอดินบะระ 29 ก.ค.- ผู้นำสหรัฐแสดงความยินดีที่ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงทันที และได้สั่งการให้คณะเจรจาการค้าของสหรัฐเริ่มดำเนินการเจรจากับไทยและกัมพูชาอีกครั้ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ลงในทรูธโซเชียลขณะที่ยังอยู่ในสกอตแลนด์เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า เขาได้สั่งการให้คณะเจรจาการค้าของสหรัฐกลับมาเจรจากับไทยและกัมพูชาได้อีกครั้ง  หลังจากที่ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันได้เมื่อวานนี้ จากการเจรจากันที่มาเลเซียซึ่งมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีที่ขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของอาเซียนเป็นเจ้าภาพและทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจา โดยมีทูตสหรัฐและจีนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย นายทรัมป์ระบุว่า ได้พูดคุยโทรศัพท์กับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย และนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขอแจ้งว่าเขาได้สั่งการให้คณะเจรจาสหรัฐเริ่มการเจรจากับไทยและกัมพูชาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้นายทรัมป์เคยขู่ไทยและกัมพูชาว่า จะไม่มีการเจรจาการค้าหากยังไม่หยุดยิง ขณะที่ไทยและกัมพูชาถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีร้อยละ 36 เท่ากัน และสหรัฐยังเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของทั้งไทยและกัมพูชาด้วย นายทรัมป์ได้แสดงความยินดีกับทุกฝ่ายที่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้  นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า การยุติสงครามครั้งนี้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้หลายพันคน ขณะนี้เขาได้ยุติสงครามไปแล้วหลายสงครามในเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งทำให้เขาภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ ด้านสื่อของกัมพูชารายงานว่า ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับฮุน มาเน็ตเมื่อคืนนี้  ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกติดตามและตรวจสอบที่ชัดเจนเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วนและยั่งยืน ซึ่งในประเด็นนี้ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐจะเข้าร่วมในการติดตามการหยุดยิงและจะเดินหน้าทำงานต่อไปโดยใช้กลไกที่มาเลเซียจัดตั้งขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าการหยุดยิงจะประสบความสำเร็จ พร้อมกับแสดงความหวังว่าจะมีสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างไทยกับกัมพูชา.-816(814).-สำนักข่าวไทย

Trump in 'driver's seat' on tariffs, Commerce Secretary Lutnick says

ย้ำ “ทรัมป์” เป็นคนกำกับนโยบายภาษี

นิวยอร์ก 29 ก.ค. – รัฐมนตรีสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้กำกับนโยบายภาษีศุลกากร และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านโยบายได้ผล นายฮาวเวิร์ด ลัตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ว่าคณะเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ได้เดินทางไปพบเขา และนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ที่สกอตแลนด์ หวังได้ข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากร แต่ผู้ที่กำกับนโยบายนี้ คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีไพ่ทั้งหมดในมือ และเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขึ้นภาษีในอัตราเท่าใด แต่ละประเทศจะต้องเปิดตลาดให้แก่สหรัฐมากน้อยเพียงใด และทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ นายลัตนิคกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านโยบายภาษีศุลกากรของเขาถูกต้องแล้วและได้ผล ก่อนหน้านี้ทรัมป์ประกาศในวันเดียวกันว่า คู่ค้าส่วนใหญ่ที่ไม่ได้แยกเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐจะถูกเก็บภาษีสินค้าที่ส่งออกมาสหรัฐในอัตราร้อยละ 15-20 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม สูงกว่าอัตราถ้วนหน้าร้อยละ 10 ที่นายทรัมป์ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน และมีหลายประเทศที่ถูกสหรัฐประกาศเก็บภาษีสูงไปแล้ว เช่น บราซิล ที่ถูกเก็บถึงร้อยละ 50 ขณะที่หลายประเทศกำลังหาทางเจรจาเพื่อให้ได้อัตราภาษีที่ลดลง หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ส่วนเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ผู้นำสหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่กับสหภาพยุโรป หรืออียู โดยสหรัฐจะเก็บภาษีร้อยละ 15 กับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากอียู ขณะที่อียูจะลงทุน […]

Security high in Manhattan after shooter 'neutralized' in office tower

เหตุกราดยิงในแมนฮัตตันยุติลงแล้ว

นิวยอร์ก 29 ก.ค. – เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในอาคารระฟ้าย่านแมนฮัตตันในนครนิวยอร์กของสหรัฐ เมื่อเย็นวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ยุติลงแล้ว ทางการแจ้งว่าคนร้ายถูกวิสามัญหลังจากยิงคนเสียชีวิต 4 คน รวมตำรวจ 1 นาย นายเอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก โพสต์คลิปแจ้งว่า เหตุกราดยิงภายในตึกสูงย่านแมนฮัตตัน ที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ยุติลงแล้ว เนื่องจากคนร้ายถูกจัดการ ต่อมาหัวหน้าตำรวจนครนิวยอร์กโพสต์ในเอ็กซ์ (X) ว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และคนร้ายที่มีเพียงคนเดียวถูกวิสามัญแล้ว รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวตำรวจว่า คนร้ายยิงคนเสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน ก่อนยิงตัวเอง เช่นเดียวกับซีเอ็นเอ็นที่รายงานว่า มีตำรวจ 1 นาย และพลเรือน 3 คน ถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานอ้างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายว่า คนร้ายสวมเสื้อกันกระสุน ถือปืนเล็กยาวกึ่งอัตโนมัติเออาร์-15 (AR-15) เปิดฉากยิงใส่ผู้คนในอาคารระฟ้าบนถนนปาร์กอเวนิว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน รวมตำรวจนครนิวยอร์ก 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ 6 คน ส่วนคนร้ายปลิดชีพตัวเอง สื่อหลายแห่งรายงานว่า คนร้ายเป็นชายวัย 27 […]

Thailand-Malaysia-Cambodia PM shake hand

ไทย-กัมพูชาตกลงหยุดยิงตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้

ปุตราจายา 28 ก.ค.- ผู้นำไทยและกัมพูชาตกลงในการประชุมพิเศษที่มาเลเซียในระหว่างที่การสู้รบดำเนินมาเป็นวันที่ 5 ในวันนี้ว่า ทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงตั้งแต่เวลา 24.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เว็บไซต์สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซียรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียแถลงข่าวพร้อมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยและนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมพิเศษที่เมืองปุตราจายา ศูนย์กลางการปกครองของมาเลเซียว่า ไทยและมาเลเซียบรรลุความเข้าใจร่วมกัน ด้วยการตกลงที่จะหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขตั้งแต่เวลา 24.00 น.วันนี้ (28 ก.ค.68) ตามเวลาท้องถิ่นของทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นเวลาเดียวกัน การตกลงหยุดยิงเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของการลดความตึงเครียดและฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง มาเลเซียพร้อมประสานงานและส่งทีมสังเกตการณ์ไปตรวจยืนยันว่ามีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ด้านนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่จัดการประชุมอย่างเร่งด่วนและทันการ รวมทั้งขอบคุณประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและจีนที่มีส่วนร่วมในการกระบวนการนี้ พร้อมกับแสดงความหวังว่า สิ่งที่ผู้นำมาเลเซียประกาศไปจะทำให้เกิดบรรยากาศของการเดินหน้าไปสู่การหารือทวิภาคีเพื่อให้ความสัมพันธ์กลับไปสู่ภาวะปกติ และเป็นพื้นฐานของการลดระดับการใช้กำลังในอนาคต ขณะที่นายภูมิธรรมกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รัฐบาลจีน และประธานาธิบดีสหรัฐ และว่าไทยตกลงเรื่องหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการให้สำเร็จด้วยความตั้งใจจริง การประชุมดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 น.และเสร็จสิ้นลงในเวลาราว 17.30 น.วันนี้ตามเวลามาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง.-814.-สำนักข่าวไทย

Aeroflot name on board

แฮ็กเกอร์อ้างเจาะระบบสายการบินแห่งชาติรัสเซีย

มอสโก 28 ก.ค.- กลุ่มแฮ็กเกอร์อ้างตัวก่อเหตุโจมตีไซเบอร์กับแอโรฟลอต (Aeroflot) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของรัสเซีย เป็นเหตุให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินสิบกว่าเที่ยวในวันนี้ แถลงการณ์ที่อ้างว่าเป็นของกลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อไซเลนต์ โครว์ (Silent Crow) ระบุว่า เป็นผู้โจมตีไซเบอร์ดังกล่าวร่วมกับกลุ่มแฮ็กเกอร์เบลารุสชื่อไซเบอร์พาร์ติสัน บีวาย (Cyberpartisans BY) โดยมีสาเหตุเกี่ยวโยงกับสงครามในยูเครน ทางกลุ่มอ้างว่า ได้ปฏิบัติการมานานร่วมปีในการเจาะเครือข่ายของแอโรฟลอต ทำลายเซิร์ฟเวอร์ 7,000 เซิร์ฟเวอร์ และยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพนักงานรวมถึงผู้จัดการ และขู่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของชาวรัสเซียทุกคนที่เคยใช้บริการของแอโรฟลอต กลุ่มนี้เคยอ้างว่า โจมตีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รัสเซียเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันแอโรฟลอตได้แจ้งผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม (Telegram) ว่า ได้ยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 40 เที่ยว ครอบคลุมเที่ยวบินที่มีจุดหมายในรัสเซีย กรุงมินสค์ของเบลารุส และกรุงเยเรวานของอาร์เมเนีย หลังจากรายงานว่าระบบข้อมูลมีปัญหา โดยได้ขอให้ผู้โดยสารที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานเชเรเมเตียโวในกรุงมอสโกกลับมารับสัมภาระที่เช็คอินไปแล้ว สื่อในรัสเซียรายงานภาพความโกลาหลที่ท่าอากาศยานดังกล่าว เมื่อผู้โดยสารพยายามเข้าแถวเพื่อรับสัมภาระกลับบ้าน.-814.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6 685