red zone in Surin

สื่อจีนสำรวจสถานการณ์เหตุปะทะใน จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 27 ก.ค.- สื่อทางการจีนลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ในจังหวัดสุรินทร์ของไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ของจีนรายงานว่า เหตุปะทะที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ได้ทำให้กิจกรรมทางการค้าในจังหวัดสุรินทร์ที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ยุติลงอย่างสิ้นเชิง และทำให้ชาวบ้านต้องไปหลบภัยในบังเกอร์ ทีมข่าวของซีจีทีเอ็นตระเวนสำรวจและบันทึกสภาพบ้านเมืองที่เงียบเหงาเมื่อวันเสาร์ และรายงานว่า ยังคงได้ยินเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง จุดผ่านแดนที่ปกติเต็มไปด้วยผู้คนและรถบรรทุกสินค้าในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะนี้กลายเป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งหมายถึงพื้นที่เสี่ยงอันตราย พร้อมกับสัมภาษณ์ชาวบ้านที่หลบภัยในบังเกอร์แห่งหนึ่งว่า กินนอนในบังเกอร์มา 4 วัน 3 คืนแล้วนับจนถึงวันเสาร์ สื่อทางการจีนอ้างการเปิดเผยของนายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชาในจังหวัดนี้มีมูลค่าเดือนละ 300 ล้านบาท การค้าเหล่านี้หายไปตั้งแต่มีการปิดด่านเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม หลายคนยังชีพด้วยการค้าข้ามพรมแดน  จึงไม่มีงานและไม่มีรายได้.-814.-สำนักข่าวไทย  

Cambodia says it agrees with Trump's demands for immediate, unconditional ceasefire

กัมพูชาย้ำตกลงหยุดยิงและอ้างไทยยิงใส่หลายจุดเช้านี้

พนมเปญ 27 ก.ค.- รัฐบาลและกองทัพกัมพูชาแถลงย้ำเนื้อหาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตเรื่องตกลงหยุดยิงตามที่ผู้นำสหรัฐเสนอ และได้อ้างว่าไทยยิงใส่กัมพูชาหลายจุดในเช้าวันนี้ โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นรายวัน นับตั้งแต่เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า นายฮุน มาเนตโพสต์ได้ประกาศชัดเจนในเฟซบุ๊กช่วงเช้าวันนี้ว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเรื่องทั้งสองประเทศหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข ขณะที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชากล่าวในการแถลงข่าวเดียวกันว่า ช่วงเวลา 02-04.30 น.วันนี้ ทหารไทยได้ยิงปืนใหญ่ไปยังพื้นที่ของปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาเมือนควาย จากนั้นในช่วง 06.00 น.ทหารบกของไทยได้โจมตีที่ตั้งของภูเขาผี จังหวัดโพธิสัตว์ ด้านกองทัพไทยแถลงว่า กัมพูชาได้ยิงเข้ามาในหลายพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ใกล้บ้านเรือนพลเรือน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ของไทยเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า มีการยิงปืนใหญ่เข้ามาหลายลูก ทำให้บ้านเรือนเสียหายและปศุสัตว์ล้มตาย รอยเตอร์รายงานด้วยว่า การปะทะระหว่าง 2 ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 13 ปี ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีคนเสียชีวิตรวมแล้วมากกว่า 30 คน และต้องอพยพออกจากบ้านเรือนมากกว่า 130,000 คน.-814.-สำนักข่าวไทย

Aid trucks move towards Gaza from Egypt's Rafah border crossing

ส่งความช่วยเหลือเข้ากาซาที่ถูกจำกัดมาหลายเดือน

กาซา 27 ก.ค.- ขบวนรถบรรทุกขนส่งสิ่งของช่วยเหลือจากฝั่งอียิปต์มุ่งหน้าเข้าสู่ฉนวนกาซาแล้วในวันนี้  หลังจากนานาชาติเตือนเรื่องภาวะอดอยากกำลังแพร่ขยาย เนื่องจากอิสราเอลจำกัดการลำเลียงสิ่งของเข้ากาซา ขณะที่อิสราเอลได้เริ่มหย่อนสิ่งของช่วยเหลือให้ทางอากาศเมื่อวานนี้ สถานีโทรทัศน์อัล กาเฮรานิวส์ สังกัดทางการอียิปต์รายงานว่า ขบวนรถบรรทุกขนส่งสิ่งของช่วยเหลือเริ่มเคลื่อนไปที่ด่านคาราม อาบู ซาเลม ในภาษาอาหรับหรือด่านเคเรม ชาลอม ในภาษาฮีบรู และข้ามเข้าไปพื้นที่ตอนใต้ของกาซา เพื่อนำสิ่งของไปแจกจ่ายให้แก่ชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญภาวะอดอยาก หลังจากนานาชาติกดดันมาหลายเดือนและองค์กรบรรเทาทุกข์เตือนเรื่องวิกฤติความอดอยากที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางกับผู้คนในกาซาที่มีอยู่ทั้งหมด 2.2 ล้านคน เนื่องจากอาหารใกล้หมดตั้งแต่อิสราเอลสั่งห้ามส่งสิ่งของช่วยเหลือทั้งหมดเข้าไปในกาซาเมื่อเดือนมีนาคม ก่อนผ่อนปรนในเดือนพฤษภาคมแต่ยังคงมีมาตรการจำกัดเข้มงวด ขณะเดียวกันกองทัพอิสราเอลได้เผยแพร่คลิปวีดิโอบันทึกภาพเครื่องบินใช้ปฏิบัติการหย่อนสิ่งของช่วยเหลือทางอากาศในกาซาเมื่อช่วงกลางดึกวันเสาร์ และภาพกล่องบรรจุสิ่งของช่วยเหลือติดร่มชูชีพทยอยหย่อนลงสู่พื้นดิน ภายในกล่องบรรจุแป้ง น้ำตาลและอาหารกระป๋อง กองทัพอิสราเอลระบุในแถลงการณ์ว่า ปฏิบัติการนี้เป็นความร่วมมือกับองค์กรความช่วยเหลือสากล และย้ำยืนยันว่าไม่มีภาวะอดอยากในฉนวนกาซา เรื่องนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อผิด ๆ ของกลุ่มฮามาส ที่ผ่านมาอิสราเอลได้ยินยอมให้มีการลำเลียงอาหารเข้าไปในกาซาอย่างเพียงพอ แต่สหประชาชาติหรือยูเอ็นเป็นฝ่ายล้มเหลวในการแจกจ่าย ด้านยูเอ็นแย้งว่า ได้ทำอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ภายใต้มาตรการเข้มงวดของอิสราเอล ต่อมากองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า แจ้งเวลาและสถานที่ที่จะพักกิจกรรมทางทหารในกาซาทั้งหมด 3 แห่ง เพื่อปกป้องพลเรือนและสร้างระเบียงมนุษยธรรม.-820(814).-สำนักข่าวไทย

Mahathir Mohamad joins rally against Anwar Ibrahim

ชาวมาเลเซียชุมนุมไล่นายกฯ

กัวลาลัมเปอร์ 27 ก.ค.- ชาวมาเลเซียจำนวนมากรวมตัวชุมนุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขับไล่นายอันวาร์ อิบราฮิม พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่พอใจปัญหาค่าครองชีพสูง และการที่เขาไม่สามารถปฏิรูปได้ตามที่หาเสียง ผู้ชุมนุมที่มีไม่ต่ำกว่า 18,000 คนตามการประเมินของตำรวจ รวมตัวกันในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้  เพื่อเรียกร้องให้นายอันวาร์ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงที่ประชาชนมีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญหาค่าครองชีพสูง และข้อกล่าวหาว่าเขาล้มเหลวในการปฏิรูปตามที่เคยสัญญาไว้ ผู้ประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อยืดสีดำและผ้าโพกศีรษะที่มีข้อความเรียกร้องให้อันวาร์ก้าวลงจากตำแหน่ง เดินขบวนผ่านใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แล้วไปรวมตัวกันที่จัตุรัสเมอร์เดกา เพื่อฟังคำปราศรัยของผู้นำฝ่ายค้านระดับสูง รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 100 ปีเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายมหาเธร์กล่าวหานายอันวาร์ว่า ใช้ตำแหน่งในทางมิชอบเพื่อดำเนินคดีกับคู่แข่งทางการเมือง เป็นข้อกล่าวหาที่นายอันวาร์เคยปฏิเสธมาก่อน อันวาร์ วัย 77 ปี ชูนโยบายปฏิรูปในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 และชนะเลือกตั้งได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาลเซีย ขณะนี้เขากำลังเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ที่มุ่งเพิ่มรายได้ของรัฐบาล รวมถึงการขยายภาษีการขายและบริการและการแก้ไขเงินอุดหนุน ซึ่งชาวบ้านและนักวิเคราะห์กังวลว่าอาจนำไปสู่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งสูงขึ้น.-815(814).-สำนักข่าวไทย

Hun Manet speaks with Trump

กัมพูชาพร้อมหยุดยิงหลัง “ทรัมป์“ กดดัน

พนมเปญ 27 ก.ค.- นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขานรับข้อเสนอผู้นำสหรัฐพร้อมหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขกับไทย ด้านนักวิเคราะห์ชี้สหรัฐอาจถูกมองไม่ดี หากทั้ง 2 ประเทศไม่ได้ข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความขัดแย้งทางอาวุธในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาและไทย นายทรัมป์ได้แสดงความประสงค์ที่จะไม่เห็นสงครามหรือการสู้รบที่จะส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจำนวนมากทั้งสองฝ่ายทั้งทางทหารและพลเรือน และต้องการให้มีการหยุดยิงและเกิดสันติภาพระหว่างสองประเทศโดยทันที นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่า ได้แจ้งว่ากัมพูชาเห็นด้วยกับคำขอให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างกองทัพทั้งสอง และได้มอบหมายให้นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินงานนี้ต่อไป เพื่อนำหลักการที่ตกลงกันไว้ไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถยุติการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย ผู้นำกัมพูชาโพสต์ดังกล่าวหลังจากผู้นำสหรัฐโพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ Truth Social ของตนเองว่า ได้โทรศัพท์สนทนากับผู้นำไทยและกัมพูชาเพื่อเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และบังเอิญว่าสหรัฐกำลังเจรจาการค้ากับทั้งสองประเทศนี้ ดังนั้นสหรัฐจะไม่ทำข้อตกลงกับประเทศใด หากทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอยู่ จากนนั้นได้โพสต์เพิ่มเติมว่า ผู้นำของกัมพูชาและไทยได้ตกลงที่จะพบกันทันทีเพื่อหาข้อยุติการหยุดยิงโดยเร็ว ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น และสันติภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาตั้งตารอที่จะสรุปข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงที่เขาระบุว่าทั้งสองประเทศตกลงจะจัดขึ้น เช่นเดียวกับทำเนียบขาวยังไม่ออกมาตอบคำถามเกี่ยวกับกำหนดการและสถานที่สำหรับการเจรจา ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาในกรุงวอชิงตัน ดีซี ยังไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ นายทรัมป์เข้ามาแสดงบทบาทต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรที่สหรัฐประกาศใช้กับทั้ง 2 ประเทศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ […]

Trump says he is seeking a ceasefire between Thailand, Cambodia

“ทรัมป์” โยงเรื่องการค้ากับหยุดยิงไทย-กัมพูชา

เอดินบะระ 27 ก.ค.-  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ พูดคุยกับผู้นำของทางการไทยและกัมพูชา โดยโยงเรื่องการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐกับเรื่องหยุดยิงของทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ในระหว่างการเยือนสกอตแลนด์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ในทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชา 3 โพสต์ติดต่อกัน โพสต์แรกระบุว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี มาเนตกัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษานายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องการหยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ สหรัฐซึ่งกำลังหารือทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศอยู่ในขณะนี้ไม่ต้องการทำข้อตกลงกับประเทศใดประเทศหนึ่งหากยังมีการสู้รบกันอยู่ กัมพูชาจะแสดงท่าทีเรื่องหยุดยิงหลังจากที่เขาได้คำตอบจากไทยในเรื่องนี้ นายทรัมป์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาทำให้เขานึกถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานกับอินเดียที่ได้รับการยับยั้งเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นราว 1 ชั่วโมง ประธานาธิบดีทรัมได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ได้สนทนากับรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ฝ่ายไทยต้องการหยุดยิงและสันติภาพเช่นเดียวกับกัมพูชา และหลังจากนั้นไม่นานผู้นำสหรัฐโพสต์ข้อความที่ 3 ว่า เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและแจ้งเรื่องที่ได้หารือกับทางการไทย ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดยิงและสันติภาพ และต้องการกลับมาเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ โดยตกลงจะพบหารือและหาทางหยุดยิงโดยทันที ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เปิดเผยกับสื่อที่เมืองปุตราจายาเมื่อวานนี้ว่า จะเดินหน้าผลักดันข้อเสนอหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งยังคงมีการยิงปะทะกันอยู่ เขาได้ขอให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชา และหากเป็นไปได้ เขาจะเข้าไปประสานงานด้วยตัวเองเพื่อหยุดยั้งการสู้รบ รอยเตอร์รายงานว่า กัมพูชาสนับสนุนข้อเสนอของนายอันวาร์ ส่วนไทยระบุว่า เห็นชอบในหลักการ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

U.S.Embassy's statement on fighting on the Thailand-Cambodia border with border

สถานทูตสหรัฐเตือนชาวอเมริกันที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยแจ้งเตือนพลเรือนอเมริกันที่อาศัยหรือเดินทางใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานความมั่นคงของไทย หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐและสถานกงสุลในประเทศไทย แจ้งเตือนด้วยหัวเรื่อง “การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา” ว่า สถานทูตฯ ได้รับรายงานในวันนี้ (24 กรกฎาคม 2568) เรื่องการสู้รบ ซึ่งรวมถึงการยิงจรวดและยิงปืนใหญ่ ระหว่างกองกำลังกัมพูชากับไทย ตามแนวพรมแดน มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และรัฐบาลไทยได้สั่งให้อพยพประชาชนในบางพื้นที่ ดังนั้น ขอให้พลเรือนอเมริกันที่อาศัยหรือเดินทางใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานความมั่นคงของไทย และขอข้อมูลล่าสุดจากทางการท้องถิ่นของไทย.-814.-สำนักข่าวไทย

South Korea's seminar on digital in Southeast Asia

เกาหลีใต้ส่งเสริมความสามารถนวัตกรรมดิจิทัลในอาเซียน

กรุงเทพฯ 24 ก.ค.-  เกาหลีใต้จัดการเสวนาส่งเสริมความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน ตอกย้ำพันธกิจร่วมในการสร้างระบบธรรมาภิบาลดิจิทัลที่ยั่งยืนในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีร่วมกับศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN-APCICT) จัดเวทีเสวนาว่าด้วยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ผ่านนวัตกรรมภาครัฐในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมดิจิทัลและส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เวทีเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายปาร์ค ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย, คุณหลิน หยาง รองเลขาธิการบริหารฝ่ายโครงการของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัลในการผลักดันนวัตกรรมภาครัฐและการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม รวมถึงการยกระดับความร่วมมือภายในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ในช่วงแรกของงานเป็นการนำเสนอเรื่องการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยผู้แทนจากบรูไน อินโดนีเซีย สปป.ลาว สาธารณรัฐเกาหลี และไทย ได้ร่วมแบ่งปันยุทธศาสตร์ระดับชาติในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการดำเนินงานของภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทั้งนี้ ผู้แทนแต่ละประเทศได้แลกเปลี่ยนถึงความท้าทายต่าง ๆ เช่น ความต่างด้านศักยภาพเชิงสถาบัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค และความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกรอบนโยบายที่ชัดเจนและความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างยั่งยืน ช่วงที่สองเป็นเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “การให้บริการสาธารณะด้วย AI” โดยมีผู้แทนจากอินโดนีเซีย สปป.ลาว ไทย สาธารณรัฐเกาหลี และสำนักเลขาธิการอาเซียนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น […]

person walks on cracked ground in Mexico Jun 2024

TNA News-Now-Next: อาหารแพงจากโลกรวน สัญญาณเตือนก่อนโลกวิกฤต

บริสตอล 23 ก.ค.- ปี 2567 ที่ผ่านมาไม่เพียงเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยังเป็นปีที่ราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกัน เสี่ยงส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของหลายประเทศ โลกร้อนขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ไอโอพีไซเอินซ์ (IOPscience) ซึ่งเป็นบริการออนไลน์ของวารสารที่ตีพิมพ์โดยไอโอพีพับลิชชิง (IOP Publishing) สำนักพิมพ์งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีสำนักงานใหญ่ที่สหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่รายงานการวิจัยฉบับใหม่เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมของนายแม็กซิมิลิอัน ค็อตซ์ และคณะ (Maximilian Kotz et al) เรื่องสภาพอากาศสุดขั้ว ราคาอาหารพุ่ง และความเสี่ยงทางสังคมในวงกว้าง ข้อมูลจากรายงานระบุว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) หลังจากที่ได้ทบทวนงานวิจัยจากหลายประเทศ และถือว่าใกล้ถึงขีดอันตรายที่รัฐบาลนานาชาติรับปากไว้ในข้อตกลงปารีสปี 2558 ว่า จะช่วยกันจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้น 2 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรม อุณหภูมิที่พุ่งสูงไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มาพร้อมกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ทั้งน้ำท่วมใหญ่ในยุโรป คลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนในเม็กซิโกและซาอุดีอาระเบีย ภัยแล้งในอิตาลีและอเมริกาใต้ พายุไซโคลนถล่มสหรัฐและฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภัยพิบัติธรรมชาติเหล่านี้รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น และหนึ่งในผลกระทบที่ประชาชนทั่วโลกสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดคือ ราคาสินค้าอาหารที่พุ่งสูงขึ้น […]

Satellite timelapse shows Typhoon Wipha making landfall

พายุ “วิภา” เข้า สปป.ลาว

เวียงจันทน์ 23 ก.ค.- พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นและเคลื่อนตัวเข้าสู่ สปป.ลาวเมื่อช่วงก่อนรุ่งสางที่ผ่านมา หลังจากพัดขึ้นฝั่งเวียดนามเมื่อวานนี้ พายุโซนร้อนวิภาได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นเมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง สปป.ลาวเมื่อเวลา 04.00 น.โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางที่ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้มีฝนตกหนักและกระแสลมแรงในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือ รวมทั้งในนครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงหลวงพระบาง คาดว่าจะมีฝนตกหนักตลอดทั้งวันในวันนี้ ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป ส่วนเมื่อช่วงสายวานนี้ พายุโซนร้อนวิภาได้พัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของเวียดนาม ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า มีเรือประมงล่มนอกชายฝั่งจังหวัดกว๋างนิญ แต่ลูกเรือทั้ง 9 คนได้รับการช่วยชีวิต ล่าสุดท่าอากาศยานและท่าเรือในจังหวัดกว๋างนิญและเมืองไฮฟองที่ปิดทำการไปเมื่อวานนี้ ได้เปิดทำการแล้ว.-816(814).-สำนักข่าวไทย

cars waiting for export in China

ยานยนต์อเมริกันกังวลหลัง ‘ทรัมป์’ ลดภาษีให้ญี่ปุ่น

วอชิงตัน 23 ก.ค.- ตัวแทนบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ 3 แห่งในสหรัฐแสดงความกังวลเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐกับญี่ปุ่นที่สหรัฐจะลดอัตราภาษีศุลกากรให้แก่สินค้านำเข้าทั้งหมดของญี่ปุ่น รวมถึงยานยนต์เหลือร้อยละ 15 สภานโยบายยานยนต์อเมริกันหรือเอเอพีซี (AAPC) ซึ่งเป็นตัวแทนของเจนเนอรัลมอเตอร์สหรือจีเอ็ม ฟอร์ดมอเตอร์ และสเตลแลนทิสที่เป็นบริษัทแม่ของไครสเลอร์เปิดเผยว่า กำลังตรวจดูข้อตกลงดังกล่าว หากยานยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นที่ไม่มีชิ้นส่วนใด ๆ จากสหรัฐเลยได้อัตราภาษีศุลกากรต่ำกว่ายานยนต์ผลิตในอเมริกาเหนือที่มีชิ้นส่วนจากสหรัฐในสัดส่วนสูง ย่อมเป็นข้อตกลงที่ไม่ดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐและคนทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศผ่านทรูธโซเชียลที่เป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อวานนี้ว่า บรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นจะลงทุนโดยตรงในสหรัฐมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17.7 ล้านล้านบาท) จะเปิดประเทศให้แก่การค้ารถยนต์และรถบรรทุก ข้าวและสินค้าการเกษตร และสินค้าอีกหลายอย่าง และจะจ่ายภาษีศุลกากรให้สหรัฐในอัตราร้อยละ 15 ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 26 มีนาคมว่า เก็บภาษียานยนต์นำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกในอัตราร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ทำให้ยานยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกซึ่งมีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐถูกเรียกเก็บอัตราดังกล่าวด้วย หากไม่มีชิ้นส่วนจากสหรัฐ เอเอพีซีเคยวิจารณ์นายทรัมป์เมื่อครั้งบรรลุข้อตกลงกับอังกฤษในเดือนพฤษภาคมว่า จะเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จากการให้โควต้าอังกฤษส่งออกยานยนต์มาสหรัฐโดยเสียภาษีร้อยละ 10 ได้ปีละ 100,000 คัน ซึ่งเกือบเท่าจำนวนที่อังกฤษส่งออกมาสหรัฐเมื่อปีก่อนอยู่แล้ว.-814.-สำนักข่าวไทย

1 4 5 6 7 8 686