“เติม” มุทิตา นักฟุตซอลสาว ทิ้งอาชีพขายอาหารหลังเจอพิษโควิดหันมาขายลอตเตอรี่

18 ส.ค.64-“เติม” มุทิตา เสนคราม แข้งสาวทีมชาติไทยที่มีอาชีพเสริมขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่ปัจจุบันเป็นอาชีพหลักในระหว่างการตระเวณเร่ขายในย่านลาดพร้าว โดยเจ้าตัวเผยว่า อาชีพหลักปัจจุบันคือการขายสลากกินแบ่งอย่างแท้จริง “เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหนูเพิ่งเลิกขายไก่ทอดที่ตลาดดังย่านบางกะปิไปเนื่องจากสู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว ซึ่งต้องจ่ายรายวันค่าแผงวันละ 400 บาท โดยเมื่อก่อนที่เริ่มขายช่วงต้นปีก็พอเหลือกินบ้าง แต่มารอบนี้ที่มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นสูง และมีมาตรการคุมเข้ม ลูกค้าก็น้อยลง หักรายจ่ายแล้วก็ไม่เหลือบางวันก็ขาดทุน ไปขอลดค่าเช่าลงทางตลาดก็ไม่สามารถลดให้ได้ หนูเลยต้องเลิกขายหลังจากที่ทำมาได้สัก 4-5 เดือนสลับกับการขายลอตเตอรี่ “ “ตอนนี้ก็หันมาขายลอตเตอรี่ อย่างเดียว แต่ปัญหาก็คือรับมาเยอะไม่ได้ เพราะต้องมีเงินไปวางมัดจำเล่มสลาก และหนูไม่มีแผงขาย ต้องเร่ขายก็เสี่ยงกับขายไม่หมดจึงรับมาครั้งละไม่เยอะ ช่วงหลังก็มีพี่ๆสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ช่วยกันอุดหนุนแต่ละงวดให้ไปขายในกลุ่มไลน์ ก็สามารถขายได้หมดพอดี จึงต้องใช้อาชีพนี้ทำมาหากินไปก่อน และปีนี้ก็น่าจะไม่มีรายการแข่งของทีมชาติเลยด้วย” สำหรับ เติม มุทิตา เสนคราม เป็นนักฟุตซอลทีมชาติไทยชุดเหรียญทองซีเกมส์2017ที่มาเลเซีย และชุดเหรียญทองประวัติศาสตร์แชมป์เอเชีย ในศึกเอเชียนอินดอร์มาเชียลอาร์ตเกมส์2017ที่เติร์กเมนิสถาน และจบปริญญาตรีจาก ม.รัตนบัณฑิต และปัจจุบันนักเตะรุ่นเดียวกันในทีมชาติที่ต้องทยอยกลับบ้านเกิดเพื่อเลี้ยงชีพเป็นส่วนใหญ่ อาทิ บี เจนจิรา บุปผา กลับบ้านเกิด จ.นครราชสีมา ,  หยก พัชราพร ศรีเมือง กลับ จ.เพชรบูรณ์ , จิระประภา นิ่มรัตนสิงห์ กลับบ้าน จ.ขอนแก่น ส่วน กาว พันณิภา กมลรัตน์ ขายไส้กรอกอีสานอยู่ตลาดนัด จ.ชลบุรี แต่ทำงานเวิร์คฟอร์มโฮมกับสมาคมฟุตบอลฯเช่นเดียวกับ จิระประภา ทับสุริย์ ส่วน ดาริกา เพียรภายลุน ที่มีข่าวไปค้าแข้งต่างประเทศก็ยังตกงานเช่นเดียวกับ ปลั๊ก หทัยชนก เทพคุณ ด้วย.

“แข้งตาบอดไทย” พร้อมล่าเหรียญ “พาราลิมปิกเกมส์”

18 ส.ค.64-ตามที่ “ทัพนักกีฬาพาราทีมชาติไทย” ที่กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬา พาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม ถึง 5 กันยายน 2564 โดยมีนักกีฬาพาราไทย ได้สิทธิ์เข้าร่วมชิงชัยทั้งหมด 74 คน จาก 14 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เทควันโด, ยิงธนู, แบดมินตัน, วีลแชร์ฟันดาบ, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, กรีฑา (ลู่-ลาน,วีลแชร์เรซซิ่ง), จักรยาน, ยิงปืน, วีลแชร์เทนนิส, บอคเซีย, ฟุตบอลตาบอด และยูโด ซึ่งถือเป็นการแข่งขันพาราลิมปิกที่มีนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าไปร่วมแข่งขันจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย ซึ่งสามารถคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน “พาราลิมปิกเกมส์2020” ในรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเตรียมความพร้อมฝึกซ้อมอยู่ที่ เอมพันธ์สปอร์ต จ.นนทบุรีภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชก้อง” ก้องเกียรติ​ ก้องแดนไพร ซึ่งเป็นโค้ชมากประสบการณ์ เคยผ่านการคุมทีมในระดับอาชีพมาอย่างมากมาย ด้าน อำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย สามารถคว้าตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ได้ ที่ผ่านมาเราได้มาการเก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับส่งทีมออกไปแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ทำให้ในเวลานี้ทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทยพร้อมเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์อย่างเต็มที่แล้ว นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดีทางสมาคมฯ ต้องขอขอบคุณ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติการกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ฟุตบอลล์ไทย จำกัด, คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นำโดย คุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ที่ให้การสนับสนุนทีมกีฬาของสมาคมมาอย่างต่อเรืที่ช่วยให้สมาคมสามารถดูแลให้การสนับสนุนการเก็บตัวฝึกซ้อมของทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่อง “เต๋า” ปัญญาวุฒิ คุพันธ์ ดาวยิงตัวเก่งของทีมฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย กล่าวว่า จากที่เราได้มีการเก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างยาวนานกว่า 10 เดือน ทำให้เรามีความพร้อมแบบเต็มที่แล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาเราต้องประสบปัญหาเรื่องการไม่มีเกมอุ่นเครื่องเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่วนเป้าหมายนั้นส่วนตัวผมเชื่อมั่นว่าเรามีโอกาสที่เข้าไปถึงรอบ4 ทีมสุดท้าย และเมื่อไปถึงตรงนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนคู่แข่งสำคัญผมมองว่าทุกทีมที่เข้ามาในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งถือเป็นแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน แต่อย่างไรก็สุดท้ายพวกเราก็อยากของกำลังใจให้กับทัพนักกีฬาคนพิการและทีมฟุตบอลคนตาบอดในการแข่งขันพาราลิกเกมส์ในครั้งนี้ด้วย รายชื่อ 10 นักกีฬาทีมฟุตบอลคนตาบอด ทีมชาติไทย ชุดลุยศึก พาราลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วย พรชัย กสิกรอุดมไพศาล (ผู้รักษาประตู), พู่กานต์ โด่งดัง (ผู้รักษาประตู) , ประครอง บัวใหญ่ , กิตติกรบัวดี , ปัญญาวุฒิ คุพันธ์ , สุริยะ ยิ่งชูรส , กิตติธัช วิมลวรรณ์ , สนั่น เพชรกระจ่างสุข , เทิดเกียรติ บุญเที่ยง , บรรชา มูลเพชร ทั้งนี้การแข่งขันฟุตบอลคนตาบอด ใน “พาราลิมปิก 2020″ จัดการแข่งขันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยจะคัดเอาอันดับ 1 และ2 ของแต่ละกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย อยู่ร่วมสายกับ สเปน , โมร็อกโก และอาร์เจนติน่า โดยโปรแกรมแข่งขันในรอบแรก มีดังนี้ วันที่ 29 สิงหาคม 2564 พบ สเปน เวลา 17:30 น.ตามเวลาไทย, วันที่ 30 สิงหาคม 2564 พบ โมร็อกโก เวลา 14:30 น.ตามเวลาไทย, วันที่ 31 สิงหาคม 2564 และ ไทย พบ อาร์เจนติน่าเวลา 14:30 น.ตามเวลาไทย สำหรับการแข่งขันฟุตบอลคนตาบอด จะลงสนามได้ทีมละ 5 คน ประกอบด้วยนักเตะ 4 คน และผู้รักษาประตู 1 คนโดยผู้รักษาประตูสามารถเป็นคนตาปกติได้ แต่ห้ามลงทะเบียนในการเป็นนักเตะฟีฟ่าอย่างน้อย 5 ปี สำหรับลูกบอลจะมีเสียงเพื่อให้ผู้เล่นสามารถรับรู้ได้ว่าลูกบอลอยู่ตรงไหน และแข่งขันกันครึ่งละ 25 นาที-สำนักข่าวไทย

“อัจฉราพร” ออกเดินทาง ตามรอยนักตบรุ่นพี่ ลุยวอลเลย์บอลอาชีพ ในลีกตุรกี

18 ส.ค.64- “เพียว” อัจฉราพร คงยศ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ตัวตบหัวเสาของสโมสรสุพรีม ชลบุรี-อี.เทค ออกเดินทางสู่ประเทศตุรกี ด้วยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบิน TK069 เพื่อไปร่วมทีม ซาริเยร์ เบเลดิเยสปอร์ในลีกสูงสุดของประเทศตุรกี “เตอร์กิช วอลเลย์บอล ลีก” ในฤดูกาล 2021-2022 โดยมีครอบครัวและเพื่อนๆทีมชาติไทยอาทิ ปิยะนุช แป้นน้อย, พิมพิชยา ก๊กรัมย์ ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา สำหรับ อัจฉราพร คงยศ เป็นนักตบสาวไทย คนที่ 7 ไปเล่นในลีกประเทศตุรกี ต่อจาก อรอุมา สิทธิรักษ์, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, นุศรา ต้อมคำ มลิกา กันทอง, สายไหม ปลัดศรีช่วย และณฤมล ขานอัน  โดยก่อนหน้านี้ อัจฉราพร เคยลงเล่นในลีกต่างประเทศให้กับทีม บีเอ็นไอ 48 ของประเทศอินโดนีเซีย เมื่อฤดูกาล 2018-19-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กสุ” ผจก.โต๊ะเล็กช้างศึกยังกลุ้ม หาเตะอุ่นแข้งลำบากจากปัญโควิด

17 ส.ค.64- ล่าสุด “บิ๊กสุ”สุทิน บัวตูม ผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทย เปิดเผยว่า “การไปลิทัวเนียครั้งนี้พวกเราเหมือนเป็นการไปรบเพื่อชาติ ไปแสดงพลังให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทย เพราะฟุตซอลโลกจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกพวกเราไปแข่งในนามตัวแทนประเทศไทย ไปในนามตัวแทนทวีปเอเชีย ฟุตซอลโลกก็เปรียบเสมือนฟุตบอลโลก โดยพี่ป๋อม อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทยได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ทีมฟุตซอลไทยไปได้ไกลที่สุดในเวิล์ดคัพหนนี้” “ผมได้เตรียมแผนงานเรื่องประสานและดำเนินการเรื่องอาหารไทยไปที่ลิทัวเนีย เราไม่อยากให้นักเตะต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน ซึ่งจะมีการนำวัตถุดิบจากไทยบรรจุอย่างดีเพื่อนำไปประกอบอาหารที่ลิทัวเนีย เราไม่อาจคาดการณ์ได้ในเรื่องของโควิด-19ได้ ดังนั้นต้องเตรียมตัวไปให้พร้อมทุกอย่าง เพื่อให้นักเตะได้พร้อมทั้งทางกายและใจก่อนจะไปสู้ในสนามจริง” ผู้จัดการทีมจอมทุ่มเทแห่งทีมฟุตซอลไทย “บิ๊กสุ”สุทิน บัวตูม ยังเปิดเผยอีกว่า “การไปลิทัวเนียครั้งนี้พวกเราทุกคนมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อเสียงให้ไทยมากที่สุด ทำอะไรต้องมีเป้าหมาย แม้ว่าผมจะบอกว่าเราจะต้องเข้า 4 ทีม ไปลุ้นแชมป์โลกหลายคนอาจจะด่า หลายคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมยอมโดนด่า สิ่งที่ทำคือทำเพื่อชาติ และจะพยายามทำให้ได้” สุทิน บัวตูม ยังเผยถึงแนวโน้มเรื่องการจัดการแข่งขันเตรียมทีมช่วงโค้งสุดท้ายที่ตอนนี้อาจจะยังต้องลุ้นมาตาการของ ศบค. ว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่ง “บิ๊กสุ” เผยว่า อย่างที่หลายท่านทราบ ตอนนี้โควิด-19ยังเป็นเรื่องที่ทุกแวดวงกังวลอย่างมาก แต่จะควบคุมได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่จิตสำนึกของทุกคน จิตสำนึกของการอยู่ร่วมกัน อยู่กับส่วนรวมอย่างไรให้ถูกต้อง ครั้นจะไปโทษ ศบค. อย่างเดียวก็คงไม่ได้ เราทุกคนต้องร่วมใจกัน “ตอนนี้มองไปไหนก็มีแต่ปัญหา มีแต่ความขัดแย้ง ผมในนามผู้จัดการทีมฟุตซอลทีมชาติไทยอยากให้คนไทยทั้งชาติทั้ง 66 ล้านคนรักและสามัคคีกัน ผมและทีมฟุตซอลไทยจะขอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนคนไทยหันหน้าเข้าหากันหันมาเชียร์กีฬาไทยในเวทีโลก เพื่อความสุขของทุกๆคนครับ แม้จะต้องเหนื่อยขนาดไหน ผมและ    โปรแกรมการแข่งขัน 3 นัดรอบแรก สายซี ของทีมฟุตซอลไทยในฟุตซอลโลก2021ที่ลิทัวเนีย ประกอบด้วย 13 ก.ย.64 พบ โปรตุเกส , 16 ก.ย.64 พบ โมร็อคโก และ 19 ก.ย.64 พบ หมู่เกาะโซโลมอน โดยทั้ง 3 นัดแข่งขันตามเวลาไทย00.00 น.-สำนักข่าวไทย

เมืองไทยประกันชีวิต อัดฉีด 1.7 ล้านเทควันโดไทย “น้องเทนนิส”รับ 1 ล้านบาท

กรุงเทพฯ  17 ส.ค.64-นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีมอบเงินสนับสนุนจำนวน 1.7 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬาและหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ผู้สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองกีฬาเทควันโดในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 โตเกียวเกมส์ 2020 โดยมีนายเลิศ นิตย์ธีรานนท์ อุปนายกและเหรัญญิก สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย นำคณะ “น้องเทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองเทควันโดในรุ่น 49 กก.หญิง,   ดร.เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย และนายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย  โดยการมอบเงินสนับสนุนจำนวน 1.7 ล้านบาท แบ่งเป็น พาณิภัค ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 จำนวน 1 ล้านบาท, โค้ช เช ยอง ซอก จำนวน 5 แสนลาท และ รามณรงค์ จำนวน 2 แสนบาท โดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานฯ เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ขอชื่นชอบในความสำเร็จของทีมเทควันโดทุกคนที่สามารถสร้างความสุขให้กับชาวไทย เมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยมาตลอดหลายปี ซึ่งผลงานการแข่งขันในระดับนานาชาติของกีฬาเทควันโดไทยสามารถคว้าเหรียญทองมาได้อย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กีฬาเทควันโดได้รับความนิยมอย่างสูงจากเยาวชนไทย และเชื่อว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องแน่นอน เมืองไทยประกันชีวิตขอเป็นกำลังใจให้และพร้อมจะสนับสนุนต่อไป  “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณ เมืองไทยประกันชีวิตอย่างมาก ที่มอบเงินสนับสนุนให้ นิส ซึ่งเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินออมเพื่อใช้ในอนาคต และใช้ในการผ่อนบ้าน  ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ได้เป็นผู้สนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยมาตลอดอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 13 ปี และยังได้สนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่ม แก่สมาคมกีฬาเทควันโด แห่งประเทศไทยอีกเช่นกัน ซึ่งการสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มนี้จะครอบคลุม ค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันอุบัติเหตุทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมและเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วย ในโรงพยาบาล ถือว่าเป็นสิ่งสาคัญสาหรับกีฬาประเภทต่อสู้ ซึ่งตนขอเป็นตัวแทนนักกีฬาเทควันโด ขอบคุณคุณสาระ ล่ำซำ   “จากนี้ไปคงต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพื่อเตรียมตัวกลับมาฝึกซ้อมต่อเพื่อไปแข่งขันรายการต่างๆในปีหน้า โดยตนตั้งเป้าจะคว้าแชมป์ให้มากที่สุด  ซึ่งปีหน้าจะมุ่งมั่นคว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ รวมทั้งเอเชียนอินดอร์ แอนด์มาร์เชียลอาร์ต ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และรายการใหญ่ๆอีกหลายรายการ โดยจะรักษาสถิติไม่แพ้ใครให้ยาวนานที่สุด และยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะไปรักษาแชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศสให้ได้” พาณิภัค กล่าว

“บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร นักตบสาวไทย ขอโทษหลังแชร์ข้อความเกี่ยวการเมือง

17 ส.ค.64- “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย หลังจากได้แชร์โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ด้วยความเป็นห่วงประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศด้อยพัฒนา และมีการยกตัวอย่างสถานการณ์ในประเทศเมียนมาลงทางไอจีสตอรี่ bbbumbimbim จนทำให้กลายเป็นกระแสดรามาตีกลับ จนต้องโพสต์ไอจีขอโทษแฟนวอลเลย์ สื่อมวลชน ละผู้ที่เกี่ยวข้อง ลงในไอจี. “สรุปใจความ…ว่าตัวเองไม่ได้เขียนข้อความ แต่ได้ใช้ฟังชันก์แชร์โพสต์ข้อความลงในสตอรี่เท่านั้น ไม่ได้ต่อเติมเสริมแต่งข้อความใดๆ รวมถึงรูปภาพเพิ่มเติมเข้าไปแต่อย่างใด ด้วยเจตจำนงที่เป็นห่วงกับสถานการณ์บ้านเมืองในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ได้ติดตามตลอดระยะที่ผ่านมา โดยไม่เจตนาอันหนึ่งอันใดที่ไม่ดีกับบ้านเมืองแต่อย่างใด และไม่ต้องการจะส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดความขัดแย้งใดๆ และได้ลบแชร์นั้นออกจากไอจีสตอรี่ไปแล้ว และขอโทษทุกคนที่ได้รับผลกระทบ จากการกระทำของบุ๋มบิ๋มครั้งนี้”-สำนักข่าวไทย

“น้องแพตตี้” สร้างชื่ออีกครั้ง! คว้าแชมป์เทนนิสที่3ศึกคอร์ตดิน-ลุ้นซิวตั๋ว”จูเนียร์ ยูเอส โอเพ่น”

โปแลนด์ 16 ส.ค.64- “แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช นักหวดดาวรุ่งไทย วัย 17 ปี ยังคงเดินหน้าสร้างผลงานบนแผ่นดินยุโรปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ในการแข่งขันเทนนิสเยาวชน ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ จูเนียร์ เก็บคะแนนสะสมอันดับเยาวชนโลกรายการ “เจ ทรี คราคอฟ 2021” เกรด 3 แข่งขันคอร์ตดิน ที่ประเทศโปแลนด์ ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ พิมพ์รดา มืออันดับ 94 เยาวชนโลก ดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่ และเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ สามารถโชว์ฟอร์มได้สมราคาเต็งแชมป์ หวดเอาชนะ อิริน่า บาลุส จากสโลวาเกีย มืออันดับ 312 เยาวชนโลก ไปได้ 2-0 เซต 6-3 และ 6-0 จากชัยชนะ ทำให้ พิมพ์รดา คว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวไปครองได้สำเร็จ พร้อมเก็บคะแนนสะสมอันดับเยาวชนโลกเพิ่มอีก 100 คะแนน สำหรับแชมป์นี้นับเป็นการคว้าแชมป์รายการที่ 3 ในระหว่างปักหลักแข่งขันอยู่ที่ประเทศโปแลนด์ 3 สัปดาห์ โดยรายการแรก “เจ ทรี พอซนัน” ได้แชมป์ประเภทหญิงเดี่ยว ซึ่งนับเป็นการได้แชมป์คอร์ตดินเป็นครั้งแรกของเจ้าตัว ต่อมารายการที่สอง “เจ ทรี โซบาต้า” ได้แชมป์ประเภทหญิงคู่ และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ในประเภทหญิงเดี่ยว  หลังจากนี้ พิมพ์รดา จะเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสเยาวชน รายการ เจ วันคอลเลจ ปาร์ค “ปริ๊น จอร์จ คันทรี อินเตอร์เนชั่นแนล ฮาร์ดคอร์ต ไอทีเอฟ” เกรด 1 ระหว่างวันที่ 23-28 ส.ค.2564 และหาก “แพตตี้” สะสมคะแนนอันดับเยาวชนโลกได้เพียงพอ ก็อาจได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเทนนิส ยูเอส โอเพ่นประเภทเยาวชน รายการ “ยูเอส โอเพ่น จูเนียร์ เทนนิส แชมเปี้ยนชิพส์ 2021” หรือ จูเนียร์ ยูเอส โอเพ่น ระหว่างวันที่6-11 ก.ย.2564 ที่นิวยอร์ก “แพตตี้” กล่าวว่า ดีใจมากที่สามารถคว้าแชมป์ได้ ยอมรับว่าคอร์ตดินเล่นยากมาก แต่ได้รับคำแนะนำจาก “พี่ปิ๊ก” ร.ต.อ.ดนัย อุดมโชค อดีตนักเทนนิสทีมชาติ และมือ 1 ของไทย รวมถึงโค้ชส่วนตัว “โค้ชหนึ่ง” ก้องภพ เลิศชัย จึงทำให้ตนสามารถเล่นได้ การคว้าแชมป์ครั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกฝ่ายที่ทำให้ได้มาแข่งขันที่ต่างประเทศตามความฝัน เพื่อลุ้นได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับจูเนียร์ แกรนด์สแลม ขอบคุณ ปตท., สมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ, บริษัท ซีพีพีซี จำกัด (มหาชน), บริษัท อเวนโก้ซอฟต์ จำกัด, สแมท อิท เทนนิส อะคาเดมี่ และโยเน็กซ์ รวมทั้งขอบคุณ นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ รวมถึงคนไทยในโปแลนด์ ที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ทำให้ไม่รู้สึกเหงาแม้เป็นการเดินทางมาแข่งขันเพียงลำพัง-สำนักข่าวไทย

“เขี้ยวสมุทร” พร้อมปล่อย “ธีระพล เยาะเย้ย” หากข้อเสนอเหมาะสม

16 ส.ค.64-“เอี้ยง”ธีระพล เยาะเย้ย กำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรที่ยื่นข้อเสนอให้บอร์ดบริหาร “เขี้ยวสมุทร”สมุทรปราการ ซิตี้ พิจารณาก่อนตัดสินใจ โดยบอร์ดบริหารสโมสรยังหวังที่จะรั้งตัวแนวรุกวัย 26 ปีรายนี้ต่อแต่ก็ขึ้นอยู่กับข้อเสนอที่หลายทีมยื่นเข้ามาด้วย อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ตอนนี้ “ธีระพล เยาะเย้ย” กำลังเป็นที่สนใจของหลายสโมสร โดยเฉพาะทีมในระดับหัวตารางไทยลีกที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบอร์ดบริหารเตรียมที่จะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากได้รับข้อเสนอที่ยากจะปฎิเสธ เพราะสโมสรฯ ไม่ปิดกั้นโอกาสของนักเตะ หากได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดกับตัวนักเตะ ทีมก็พร้อมปล่อยตัว-สำนักข่าวไทย

ทรู แบงค็อกฯ ปิดดีลใหญ่คว้า “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” ร่วมทัพ

16 ส.ค. – ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ปฏิบัติการเสริมทัพสมคอนเซ็ปต์ฤดูกาลใหม่ “NEVER SAY NEVER : อย่าบอกว่าเป็นไปไม่ได้” หลังเซ็นสัญญาคว้าตัว “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” กองกลางทีมชาติไทยจากสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวยอมรับสุดตื่นเต้นกับความท้าทายครั้งใหม่ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ของ “โค้ชแบน” กับการพาทีม “แข้งเทพ” คว้าแชมป์ให้ได้ เจ้านิวให้สัมภาษณ์ถึงการย้ายทีมในครั้งนี้ว่า “รู้สึกดีใจและตื่นเต้นเป็นอย่างมากครับ กับความท้าทายครั้งใหม่ในอาชีพการค้าแข้งของผม อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ทรู แบงค็อกฯ เป็นทีมใหญ่ และยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการใดๆเลย ฉะนั้นผมย้ายมาที่นี่ก็อยากจะมีส่วนในการพาสโมสรประสบความสำเร็จครับ อย่างแรกผมคงต้องซึมซับและปรับตัวเข้ากับทีมให้ได้เร็วที่สุด เพราะทีมมีระบบการเล่นที่ดีอยู่แล้วและมีนักเตะที่อยู่ด้วยกันมานาน ผมเองต้องเป็นฝ่ายปรับตัวเข้าหาทีม ไม่ใช่ทีมปรับตัวเข้าหาผม ฉะนั้นหลังจากนี้ก็ต้องทำงานหนักเพื่อให้ตัวเองมีความพร้อมที่สุดสำหรับฤดูกาลใหม่ครับ” ฐิติพันธ์เคยร่วมงานกับ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน มาแล้วสมัยที่อยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2016 แม้จะเป็นระยะเวลาไม่นาน แต่เขาก็ประทับใจกับแนวทางการทำทีมของกุนซือวัย 49 ปีรายนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้าตัดสินใจได้ไม่ยากกับการย้ายมาค้าแข้งในถิ่นทรู สเตเดียม “พี่แบนเป็นโค้ชที่มีรูปแบบแท็คติกสมัยใหม่ครับ ทำให้นักเตะมีความกระหายที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผมเคยร่วมงานกับพี่แบนตอนที่อยู่กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะย้ายไป สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ดก็รู้สึกดีใจครับที่จะได้กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้ง แน่นอนว่าก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจในครั้งนี้ครับ” การย้ายข้ามฟากจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาสู่ทีมร่วมเมืองอย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในครั้งนี้เป็นรูปแบบการยืมตัวจนถึงสิ้นสุดปี 2021 หลังจากนั้นเจ้าตัวได้จรดปากกาเซ็นสัญญาต่อเนื่องกับทีม “แข้งเทพ” ไปอีก 3 ปีครึ่ง จนถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2024/2025 สำหรับ “เจ้านิว” เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาตั้งแต่ปี 2010 ก่อนจะถูก สิงห์ เชียงรายยูไนเต็ด คว้าตัวไปร่วมทัพในช่วงกลางฤดูกาล 2016 โดยเจ้าตัวอยู่ในชุดที่พาทีม “กว่างโซ้งมหาภัย” คว้าชัยเหนือ ทรูแบงค็อกฯ ในศึกเอฟเอ คัพ ปี 2017 รอบชิงชนะเลิศ ร่วมกันกับ “เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส” และ “วานเดอร์ หลุยส์” สองนักเตะ “แข้งเทพ” ในทีมชุดปัจจุบัน ในฤดูกาล 2018 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เซ็นสัญญาคว้าตัวห้องเครื่องทีมชาติไทยรายนี้ไปร่วมทีม จากนั้นจึงได้ปล่อยให้เขาเดินตามความฝันในการไปค้าแข้งที่ประเทศญี่ปุ่นกับ โออิตะ ทรินิตะ สโมสรในเจลีก 1 ในรูปแบบยืมตัวเป็นระยะเวลา1 ฤดูกาลในปี 2019 ก่อนจะกลับมาพาทัพ “เดอะ แรบบิท” คว้าแชมป์ไทยลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะที่ผลงานในทีมชาติฐิติพันธ์สร้างชื่อจากการลงเล่นให้ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ที่คว้าแชมป์ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี รอบคัดเลือก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจนได้รับฉายาว่า “Class of 2011” จากการแจ้งเกิดพร้อมๆกันของเหล่าดาวรุ่งตัวเทพหลายคนในยุคนั้น ก่อนจะต่อยอดไปสู่การเล่นให้ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน23 ปี ด้วยผลงานการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ในปี 2013 และ 2015 และก้าวสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่างเต็มตัวด้วยการเป็นแข้งตัวหลักในชุดที่คว้าแชมป์ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 ในปี 2017 ต่อเนื่องมาจนถึงชุดล่าสุดที่ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา-สำนักข่าวไทย

แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานสโมสรบาเยิร์น มิวนิคและทีมชาติเยอรมนี เสียชีวิต

เยอรมนี 15 ส.ค.64-สโมสรบาเยิร์นมิวนิค แถลงการณ์ว่า สโมสรและแฟนๆ ทุกคนต่างไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของ แกร์ด มุลเลอร์ ที่เสียชีวิตในเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยวัย 75 ปี  สำหรับ มุลเลอร์ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรบาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติเยอรมนี  โดยทำประตู 566 ประตู จาก 607 นัดในการแข่งขันให้กับบาเยิร์น มิวนิค และยังคงรักษาสถิติการทำประตูมากที่สุดในศึกบุนเดสลีกา ด้วย 365  ประตู รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุด 7 ครั้ง จากการลงสนามในลีก 427 นัด  ส่วนการทำประตูในทีมชาติ ยิงไป 68 ประตู จากการลงเล่น 62 นัดให้กับทีมชาติเยอรมนีตะวันตก รวมถึงประตูชัยในฟุตบอลโลกปี 1974 นัดชิงชนะเลิศกับเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีสื่อดังในยุโรป ทั้ง BBC,MSPORT,ESPN,SKYNEWS ได้ลงข่าวBREAKINGNEWS เป็นข่าวด่วน-สำนักข่าวไทย

“ทีมว่ายน้ำพาราไทย” หวัง “ฉลามชาคร” ส่วน“น้องปิ่น” เงือกดาวรุ่ง ขอสู้เต็มที่

12 ส.ค.64-ทีมว่ายน้ำพาราทีมชาติไทย ซึ่งได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน “พาราลิมปิกเกมส์ 2020” ทั้งสิน 4 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 3 คน คือ ชาคร แก้วศรี, ภูชิต อิงชัยภูมิ, วรวิทย์ คำแก้ว และ นักกีฬาหญิง 1 คน คือ อัญชญา เกตุแก้วโดยเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ สระว่ายน้ำ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลุยศึก​ “พาราลิมปิกเกมส์ 2020” อย่างเต็มที่ ด้าน พญ.พรระวี เพียรผดุงรัชต์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนกีฬาว่ายน้ำคนพิการทีมชาติไทย เปิดเผยถึงความพร้อมของทีมว่ายน้ำพาราทีมชาติไทยว่า ที่ผ่านมานักกีฬาได้เก็บตัวฝึกซ้อมภายใต้โครงการ โรด ทู โตเกียว มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่จบ พาราลิมปิกเกมส์ 2016 เลยทันที ทำให้นักกีฬาทุกคนถือว่ามีความพร้อมความพร้อมเต็มที่ และทุกคนกระหายอยากลงแข่งขันแล้ว เพราะที่ผ่านมานักกีฬาของเราไม่สามารถออกไปแข่งขันในรายการต่างๆ ได้เลยในช่วงปีที่ผ่านมาเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 “ส่วนเป้าหมายของทีมว่ายน้ำคนพิการทีมชาติไทย โดยเฉพาะ นักกีฬาชายของเราทั้ง 3 คน ถือว่ามีโอกาสลุ้นเหรียญด้วยกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ชาคร แก้วศรี, ภูชิต อิงชัยภูมิ และ วรวิทย์ คำแก้ว ที่ถือเป็นนักกีฬาที่มีแรงกิ้งติดอยู่ 1ใน10 ของโลก ซึ่งหากถึงวันแข่งขัน นักกีฬาเราสามารถผ่านรอบคัดเลือกไปได้ เราก็เชื่อมั่นว่าทุกคนมีโอกาสติดเหรียญรางวัล” หัวหน้าผู้ฝึกสอนว่ายน้ำพาราทีมชาติไทย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับนักกีฬาความหวังของเราที่มีโอกาสติดเหรียญรางวัลพาราลิมปิกเกมส์หนนี้มากที่สุด คือ ชาคร แก้วศรี ในรายการกบ 50 ม. ชาย คลาส SB 2 เพราะในรายการนี้ถือเป็นรายการถนัดของ “ชาคร” และเขาอยู่ในอันดับ 4 ของโลกทำให้เราตั้งความหวังในรายการนี้ไว้สูงที่สุดและน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดด้วย ขณะที่ “น้องปิ่น” อัญชญา เกตุแก้ว เงือกสาวพาราดาวรุ่งทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ในพาราลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองของตนเองแล้ว ทำให้ตั้งเป้าหมายไว้ค่อนข้างสูง เพราะการได้ลงแข่งขันเพียงรายการเดียว คือ ฟรีสไตล์ 100 ม. และที่ผ่านมามีโอกาสเดินทางไปฝึกซ้อมประเทศสหรัฐอเมริกาแต่โชคร้ายมีโควิดระบาดหนัก ทำให้ต้องกลับมาซ้อมที่ประเทศไทย อย่างไรก็ดีเราได้เทคนิคต่างๆมามากพอสมควร ทำให้ครั้งนี้ตนเองพร้อมสู้เพื่อทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เพื่อเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ และมีโอกาสลุ้นเหรียญรางวัลให้ได้ “อย่างไรก็ดีต้องขอบคุณ คณะกรรมการพาลิมปิกแห่งประเทศไทย และคุณจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ที่ให้การสนับสนุน และผลักดันจนทำให้ได้เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์อีกครั้ง และขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างเต็มที่ สุดท้ายอยากขอกำลังใจจากพี่น้องชาวไทยทุกคนช่วยเป็นกำลังให้กับทีมว่ายน้ำพาทีมทีมชาติไทย และนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยด้วยนะคะ” น้องปิ่น กล่าว สำหรับรายการที่นักกีฬาว่ายน้ำพาราทีมชาติไทย ทั้ง 4 คน จะลงชิงชัยใน พาราลิมปิกเกมส์ 2020 มีดังนี้ ชาคร แก้วศรี ลงแข่งขัน 4 รายการ ฟรีสไตล์ 50 ม. ชาย คลาส S3, กบ 50 ม. ชาย คลาส SB2, กรรเชียง 50 ม. ชายคลาส S3 และเดี่ยวผสม 150 ม. ชาย คลาส SM3 ส่วนภูชิต อิงชัยภูมิ ลงแข่งขัน 3 รายการ ฟรีสไตล์ 100 ม. ชาย คลาส S5, ฟรีสไตล์ 200 ม. ชาย คลาส S5 และ ฟรีสไตล์ 50 ม. ชาย คลาส S5 ด้าน วรวิทย์ คำแก้ว ลงแข่งขัน 1 รายการ กบ 100 ม.ชาย คลาส SB4  และ อัญชญา เกตุแก้ว ลงแข่งขัน 1 รายการ ฟรีสไตล์ 100 ม. หญิง คลาส S9ค ทั้งนี้ทีมว่ายน้ำพาราทีมชาติไทย จะออกเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 17 สิงหาคม 2564 สำหรับทีมว่ายน้ำคนพิการไทย ถือเป็นกีฬาที่เคยประสบความสำเร็จในการแข่งขันพาราลิมปิก เกมส์ มาหลายสมัย โดยเริ่มจาก ในปี 1996 ที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา พนม ลักษณะพริ้ม คว้าเหรียญทองแดง ได้สำเร็จ ต่อด้วยปี 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย สมชาย ดวงแก้ว ทำ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ สายฝน แก้วศรี ได้เหรียญทองแดง จากนั้น ในปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ สมชาย ดวงแก้ว ได้2 เหรียญเงิน และ อีก 2 เหรียญทองแดง จาก พนม ลักษณะพริ้ม, สานิตย์ สงค์นอก -สำนักข่าวไทย

“เมทินี” จอมทุ่มพาราสาวไทย พร้อมลุย พาราลิมปิก โตเกียว 2020

กรุงเทพฯ 12 ส.ค.64-“อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนตาบอดทีมชาติไทย หนึ่งเดียวที่สามารถคว้าตัวเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ โรงเรียนบูรณะวิทย์ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 โดยมี “โค้ชโต้ง” ภาคภูมิ​ เทียน​ทอง​ ผู้ฝึกสอนยูโดคนพิการทีมชาติไทย ความคุมการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด โดย “โค้ชโต้ง” ภาคภูมิ​ เทียน​ทอง​ เปิดเผยถึงความพร้อมของ เมทินี วงษ์ชมภู ว่า นักกีฬาว่ามีความพร้อมกว่า 90 เปอร์เซ็นแล้ว ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางปี 63 เมทินี มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่ในเวลานี้สภาพร่างกายกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว “ส่วนความหวังจากที่ได้ออกไปแข่งขันในช่วงก่อนที่จะเกิดโควิดระบาด หากเทียบผลงานต้องบอกว่าเราสามารถสู้ได้กับทุกคน ทำให้เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าในพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เรามีโอกาสที่จะทำผลงานคว้าเหรียญรางวัลมาครองได้เช่นกัน เพราะด้วยฝีมือและเทคนิคต่างเราไม่เป็นรองนักกีฬาชาติไหนเลย” “แต่ต้องยอมรับว่าเราโชคร้ายนิดหน่อย เนื่องจากในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราไม่มีโอกาสไปเก็บคะแนนสะสมเพิ่ม ทำให้หลุดจากการเป็นมือวางในครั้งนี้ แต่เราเองก็ไม่หนักใจอะไรเพราะรู้ดีว่าพาราลิมปิกเกมส์ เจอใครหนักเหมือนกันทุกคน อย่างไรก็ดีคงต้องรอดูผลการจับสลากประกบคู่ในรอบแรก เราจะได้รู้ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน” โค้ชโต้ง กล่าว ขณะที่ “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนพิการทีมชาติไทย เผยว่า ตนเองมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งร่างกาย และจิตใจ ที่ผ่านมาได้เก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างหนักเพื่อลงแข่งขันในพาราลิมปิกเกมส์โดยเฉพาะ และรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ “ส่วนเป้าหมายแน่นอนในใจลึกๆหวังถึงเหรียญทอง แต่ก็ไม่อยากกดดันตัวเอง ขอทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าอย่างน้อยเราน่าจะมีโอกาสที่ติดเหรียญรางวัลไม่เหรียญใดก็เหรียญหนึ่ง และหวังว่าแฟนกีฬาชาวไทยจะเป็นกำลังใจให้ด้วย และตนก็พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นกัน” เมทินี กล่าวทิ้งท้าย สำหรับ “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู นักกีฬายูโดคนพิการทีมชาติไทย ที่มีดีกรีเป็นรองแชมป์เอเชีย 2 สมัย ในปี 2018 และ2019 และจะลงแข่งขันในกีฬายูโด พาราลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 52 กก.หญิง คลาส บี 1 โดยจะมีนักกีฬายูโดลงชิงชัยทั้งสิน 12 คน ซึ่งจะแข่งขันในระบบน็อคเอาท์ โดยในรอบแรก นักกีฬาคนใดแพ้จะตกรอบทันที แต่ถ้าชนะผ่านเข้ารอบสองได้ แล้วไปแพ้รอบที่สองจะไม่ตกรอบ ยังมีโอกาสลุ้นในรอบไต่อันดับเพื่อแย่งสิทธิ์เข้าไปชิงเหรียญทองแดงต่อไป โดย “อ๋อม” เมทินี วงษ์ชมภู และโค้ชจะออกเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 19 สิงหาคม 2564-สำนักข่าวไทย

1 59 60 61 62 63 88