23 ส.ค.64- “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ให้สัมภาษณ์ผ่านออนไลน์ ในระบบโปรแกรมซูม หลังรับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติไทยว่า “ฟุตบอลเป็นกีฬามหาชนที่ผู้คนสนใจมากที่สุด จะเห็นว่าเวลามีการแข่งขันทุกคนจะให้ความสนใจอย่างจดจ่อในการเชียร์ทีมชาติของตัวเอง ในวันที่เราเจอวิกฤตการณ์ต่างๆ ถาโถมเข้ามาในประเทศ แป้งคิดว่าฟุตบอลจะเป็นยาวิเศษที่ก่อให้เกิดความสุขและเป็นจุดรวมใจของคนในชาติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ฟุตบอลเป็นกีฬาแห่งทีมเวิร์คและมิตรภาพ ทุกอย่างยืนอยู่บนหลักสากล รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย” “ลำพังเพียงแป้งแค่คนเดียว คงไม่สามารถจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นของคนไทยทุกคน ดังนั้น แป้งจึงขอรับแรงใจและพลังบวกจากทุกภาคส่วน ทั้งสมาคม ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งแฟนบอลชาวไทย มาร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ฟุตบอลไทยกลับมาผงาดอีกครั้ง เริ่มจากการเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน เพิ่มโอกาสในการเล่นระดับเอเชีย และระดับโลกต่อไปในอนาคต” “เส้นทางสายกีฬาของแป้งเดินมาด้วยความศรัทธาและความรัก ตั้งแต่ถูกเชิญให้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมกีฬาคนพิการในปี 2549 จนเข้ามาทำฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยในปลายปี 2551 จนมาแจ้งเกิดในซีเกมส์ที่เมียนมาในปี 2556 เรื่อยมาจนสร้างประวัติศาสตร์ที่เวียดนาม เพลย์ออฟได้อันดับ 5 ไปฟุตบอลโลกในปี 2558 และทำได้อีกครั้งในฟุตบอลโลก2562 นอกจากนี้ ยังเลือกมาทำฟุตบอลสโมสรระดับตำนานอย่าง การท่าเรือ เอฟ.ซี. ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณผู้มีคุณูปการทั้งหลาย ผู้ใหญ่มากมาย ที่มอบประสบการณ์ให้กับแป้งอย่างท้วมท้น จนเป็นเหมือนตำราเล่มใหญ่ให้เราได้กลับไปอ่านได้ตลอดเวลา” “ปัญหาแรกที่ต้องดำเนินการ คือ การเดินหน้าเข้าสโมสร ในฐานะคนทำทีมก็มีความเข้าใจหัวอกเจ้าของทีม ซึ่งต้องเชื่อมการทำงานให้ได้ เพื่อให้การเดินทางทีมชาติไทยก้าวต่อไปข้างหน้า สำหรับภารกิจที่เรื่องเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ คือU-23 ที่มองโกเลีย ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากโรคระบาด เป็นเงื่อนไขที่ทำให้แป้งคิดว่า ควรเลือกผู้ฝึกสอนคนไทยซึ่งมีความรู้ความสามารถและคลุกคลีอยู่กับเด็กๆ มากกว่า เป้าหมายคือการเข้ารอบที่อุซเบกิสถานในปีหน้าให้ได้ ขอเวลาภายในสัปดาห์นี้ทุกคนจะได้ทราบอย่างแน่นอน สำหรับชุดใหญ่ ขอเวลาทำการบ้านกับสมาคมฯ และผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคอีกครั้ง” “ไม่มีอะไรอยู่ได้ตลอดไปสำหรับทุกวงการ นายกสมาคมฯ ผู้จัดการทีม โค้ชคนใดก็ไม่มีใครอยู่ไปได้ตลอด สิ่งที่ทำไว้ล้วนแล้วแต่เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจดจำของวงการลูกหนัง แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้และเป็นสิ่งที่ยืนอยู่คู่ฟุตบอลทีมชาติไทยมาเสมอคือ “ผู้เล่นคนที่สิบสอง” คือพลังแฟนบอลไทย อันเป็นเหมือน มือที่มองไม่เห็น ที่คอยผลักดัน ประคอง และสร้างกำลังใจให้กับทีมด้วยแรงเชียร์และแรงสนับสนุนตลอดมา” “ขอฝากเพลงแทนหัวใจที่ปรารถนาให้ทีมชาติไทยกลับมาเป็นศูนย์รวมใจของเราอีกครั้ง พวกเราเหล่ามาชุมนุม ต่างกุมใจรัก สมัครสมาน ล้วนมิตร จิตชื่นบาน สราญเริงอยู่ ทุกผู้ทุกนาม อันความกลมเกลียว กันเป็นใจเดียว ประเสริฐศรีทุกสิ่งประสงค์จงใจ จักเสร็จสมได้ ด้วยสามัคคี” “สุดท้ายนี้ แม้จะเป็นงานที่ยาก แต่ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าแป้งพร้อมที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ พลังกาย พลังใจทุ่มเทอย่างเต็มที่กับภารกิจสำคัญนี้ จึงขอฝากไปยังแฟนบอลไทยทุกคน รวมไปถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินไปด้วยกันอีกครั้งเพื่อทีมชาติไทยของเราทุกคน” ทั้งนี้ โปรแกรมการแข่งขันต่อไปของทีมชาติไทย คือการแข่งขัน เอเอฟซี ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก ที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งทัพ “ช้างศึก” อยู่กลุ่ม เจ ร่วมกับ ลาว, มาเลเซีย และ มองโกเลีย (เจ้าภาพ) ซึ่งจะแข่งขันระหว่างที่ 23-31 ตุลาคม 2564 โดยจะหาทีมแชมป์กลุ่ม 11 กลุ่ม พร้อมด้วยรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุด 4 จาก 11 กลุ่ม ผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปแข่งขันที่ประเทศ อุซเบกิสถาน ต่อไป.