อินเดียจะให้เอกชนร่วมบริหารรถไฟเป็นครั้งแรก

รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียจะให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริหารระบบการรถไฟแห่งชาติที่เก่าแก่และขาดทุนเป็นครั้งแรก

มาเลเซียเตรียมล็อกดาวน์ 4 เขตในรัฐซาบาห์

ทางการมาเลเซียเผยวันนี้ว่า จะใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกในพื้นที่ 4 เขตที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันปาล์มขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐซาบาห์

สายการบินญี่ปุ่นจะใช้คำเป็นกลางทางเพศ

เจแปนแอร์ไลน์หรือเจเอแอล (JAL) สายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่นจะเริ่มใช้คำทักทายและประกาศที่มีความเป็นกลางทางเพศตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม

ญี่ปุ่นเตรียมวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก มี.ค. ปีหน้า

ญี่ปุ่นเตรียมจัดวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก โตเกียว 2020 ในเดือนมีนาคมปีหน้า โดยจะเริ่มจากจังหวัดฟูกุชิมะ หลังเลื่อนจัดงานเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

กสทช.จับมือทรู ซีพีออลล์ ทำบริการบืนยันตัวตนดิจิทัล

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.  กสทช. จับมือ ทรู มูฟ เอช และ ซีพี ออลล์ ต่อยอดพัฒนาระบบยืนยันตัวตน โมบายไอดี  บนโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อให้บริการประชาชน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานฯ ได้พัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ “แทนบัตร” หรือ Mobile ID ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีการทดสอบทดลองขั้นต้นเรียบร้อยแล้ว ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้ขยายความร่วมมือเพิ่มเติมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ได้แก่ กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อนำระบบ “แทนบัตร” หรือ Mobile ID นี้ ไปพัฒนาต่อและประยุกต์ใช้ภายใต้ภารกิจต่าง ๆ ของแต่ละหน่วยงาน และวันนี้สำนักงาน กสทช. พร้อมแล้วที่จะขยายการทำงานร่วมกันกับบริษัท ทรู มูฟ เอชยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เพื่อทำการทดสอบทดลองในระยะ Sandbox อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถให้ประชาชนมาร่วมทดลองการใช้งานในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ปัจจุบัน สำนักงาน กสทช. ได้ร่วมทำงานกับ ETDA และหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาการกำหนดมาตรฐานของการให้บริการในระยะทดสอบทดลองนี้ด้วย ด้านนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ ผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัดกล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการขยายบทบาทสู่การเป็น Digital Platform ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดให้ทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องเชื่อมต่อผ่าน Digital Platform และทำงานร่วมกันในลักษณะของ Ecosystem เพื่อก่อให้เกิดพลังในการขยายขีดความสามารถสร้างสรรค์ Innovation หรือบริการ Digital ใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเช่นเดียวกับโครงการ Mobile ID ระยะทดสอบ ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสำนักงาน กสทช. ที่จะร่วมกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในการให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้าของทรู มูฟเอช โดยจะทำการทดสอบทดลองร่วมกับซีพี ออลล์ ในช่วงแรกก่อน ขยายไปยังหน่วยงานอื่นๆ ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ทำความตกลงร่วมมือกันไว้แล้ว โดยทรู มูฟ เอช มีความยินดี ที่จะพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย Mobile ID ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชนให้มีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนให้ใช้ดิจิทัลไอดีในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศอีกด้วย นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนา Digital ID Platform ของประเทศไทยโดย Mobile ID จะสามารถนำมาช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการให้บริการของซีพี ออลล์ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความร่วมมือกับสำนักงานกสทช. ที่จะร่วมกันส่งเสริมการใช้นวัตกรรมใหม่ อย่างต่อเนื่องในการให้บริการกับลูกค้าของ ซีพี ออลล์ โดยจะทำการทดสอบทดลองร่วมกับทรู มูฟ เอช ในช่วงแรกก่อน โดยลูกค้าที่มาใช้บริการของซีพี ออลล์ จะสามารถใช้ MobileID ในการทำธุรกรรมหรือรายการต่างๆ ในที่สาขาของซีพี ออลล์ และในอนาคตจะขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานอื่นๆ ตามที่สำนักงาน กสทช. ได้ทำความตกลงร่วมมือกันไว้แล้วต่อไป -สำนักข่าวไทย.

ซีอีโอเอไอเอสเปิดหนังสือบันทึกประสบการณ์ 30 ปีในอุตฯโทรคมนาคม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. เอไอเอส เปิดตัวหนังสือ “30 ปี เอไอเอส ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา”เปิดเส้นทางผู้นำเทคโนโลยี พลิกโฉมการสื่อสารไทย ตลอด 3 ทศวรรษ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า หนังสือ 30 ปี เอไอเอส ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เกิดจากความตั้งใจที่อยากสื่อสารเรื่องราวของเอไอเอส การตั้งชื่อหนังสือว่า ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา มาจากตัวตนขององค์กร ที่เป็นเพียงบริษัทธรรมดาแห่งหนึ่ง แต่มีความไม่ธรรมดาแฝงอยู่ นั่นคือการที่เราเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมการสื่อสารใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงและยกระดับประเทศไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกในทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ล้วนแฝงไปด้วยบทเรียนที่องค์กรสั่งสม กลายเป็นองค์ความรู้ที่จะส่งต่อให้กับคนในองค์กร และอีโคซิสเต็มที่เกี่ยวข้องให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง “ในทุกช่วงเวลา ยังได้สร้างความเป็นคนทำงานมืออาชีพให้กับชาวเอไอเอส ปลูกฝังการมีหัวใจบริการอยู่ทุกลมหายใจ การมีพลังที่จะส่งต่อความสุข, ความสะดวกสบายจากสินค้าและบริการของเอไอเอสให้กับลูกค้าและคนไทยทุกคน ทั้งหมดนี้หล่อหลอมเกิดเป็นดีเอ็นเอแบบคนเอไอเอสมาจนถึงทุกวันนี้นี่จึงเป็นบทบันทึกพัฒนาการการเปลี่ยนผ่านทั้งในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารของเมืองไทย ตั้งแต่ยุคบุกเบิก 1G เมื่อ 30 ปีก่อน อันเป็นช่วงเวลาที่การสื่อสารไร้สายเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับทุกคน จวบจนปัจจุบันที่เครื่องมือสื่อสารอย่างสมาร์ทโฟนเปรียบเสมือนอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ และก้าวมาถึงยุค 5G ตลอดจนการพัฒนาคนมืออาชีพในแบบฉบับเอไอเอส เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผมวางแนวทางการเขียนหนังสือโดยใช้ปรัชญา 3 คำ ในทุก ๆ บท ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับที่ผมใช้ในการทำงาน กับทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องในชีวิตการทำงานของผมอีกด้วย “ นายสมชัย กล่าว  นอกจากเนื้อหา 16 บทแล้ว ความพิเศษของการจัดทำหนังสือเล่มนี้ ได้ทำเป็นหนังสือเล่มที่จัดพิมพ์บนกระดาษEcoFiber 100% ช่วยลดการใช้ทรัพยากร ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและ E-Book ในรูปแบบมัลติมีเดียที่มีครบทั้งภาพและเสียง ซึ่งในหน้าสุดท้ายของแต่ละบท ผู้อ่านสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด หรือกดรับชมภาพความประทับใจในแต่ละช่วงเวลาตลอด 30 ปี ของ เอไอเอส ในรูปแบบคลิปวิดีโอ  E-Book ยังเพิ่มเติมความเป็นหนังสือเสียง หรือ Audio Book -สำนักข่าวไทย.

“อนุชา” พร้อมพัฒนาวิสาหกิจชุมชน

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.-“อนุชา” มอบนโยบายสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ แลกเปลี่ยนความคิดเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน พร้อมพัฒนาวิสาหกิจชุมชนผลักดันตลาดเกษตร สู้โลกยุคดิจิทัล พอใจภาพรวมกองทุนหมู่บ้านหนี้เสียน้อยมาก นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ โดยเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงนโยบายกองทุนหมู่บ้าน คือ การให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ประกอบกับความต้องการให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จึงให้รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งถือว่าที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ แต่จะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และทำให้กองทุนหมู่บ้านประสบความสำเร็จเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อดูจากโครงสร้างที่ประชาชนได้กู้ยืมเงินเกือบร้อยละ 80 กู้เงินไปเพื่อการเกษตร แสดงให้เห็นว่ากว่า 70,000 หมู่บ้านพึ่งพาภาคการเกษตร แสดงว่าคนไทยเกือบทั้งประเทศยังพึ่งพารายได้จากภาคการเกษตร หากภาคการเกษตรไม่มีรายได้ ย่อมส่งผลกระทบถึงกำลังซื้อของประเทศ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สามารถนำมาประมวลข้อมูลในการที่จะส่งต่อไปถึงภาครัฐ เพื่อให้รัฐเข้ามาดูแลเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดกำลังซื้อของคนทั้งประเทศ ส่วนหนี้กองทุนหมู่บ้านที่ยังคงติดค้างอยู่ นายอนุชา กล่าวว่า ปัจจุบัน กองทุนหมู่บ้านยังเป็นไปตามวิถีทางของกองทุนหมู่บ้าน ประชาชนยังคงพยายามหาเงินมาใช้หนี้ และหนึ้เสียของกองทุนหมู่บ้านก็ยังคงมีจำนวนน้อยมาก “วันนี้ปัญหาในเรื่องเงินหมุนเวียนของกองทุนหมู่บ้านไม่ได้มีปัญหา แต่สิ่งที่ต้องดูแล คือ ทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ดูแลให้พวกเขาสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมที่จะพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ด้วยการลดค่าใช้จ่าย และพัฒนาในเรื่องธุรกิจการค้าในโลกยุคดิจิทัลและยุคออนไลน์ ด้วยการสร้างแพลทฟอร์มดี ๆ มาใช้ในการค้าขายในตลาดดิจิทัลเพื่อการค้าขาย และเป็นการต่อยอดในการสร้างรายได้จากตลาดที่อยู่ในมือถือ” […]

ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 22 ราย

โฆษก ศบค.เผยไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 22 ราย ที่ประชุมต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือน ถึง 31 ต.ค. สั่งเข้มงวดการเดินทางเข้าออกชายแดนไทย-เมียนมาร์

จับตาบอร์ดกสทช.พิจารณาวิธีคิดค่าโทรฯ

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. จับตา กสทช. จ่อเลิกข้อห้ามคิดค่าโทรต่างกันภายในโครงข่ายกับภายนอกโครงข่าย นายประวิทย์ กล่าวว่า ข้อกฎหมายนี้ถูกกำหนดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค ในเรื่องของการมีเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารได้อย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็นการใช้บริการโทรศัพท์มือถือในโครงข่ายเดียวกันหรือต่างกัน หรือเกิดข้อจำกัดหากเป็นการใช้บริการข้ามโครงข่าย อีกทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการคิดค่าบริการในลักษณะที่เป็นการกีดกันทางการค้า หรือบิดเบือนการกำหนดราคาเพื่อสร้างอำนาจผูกขาดในตลาด โดยเฉพาะการกีดกันผู้ประกอบการรายย่อยหรือรายใหม่ให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมได้ ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการที่ต้องการให้มีการทบทวนกติกาให้สามารถกำหนดอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันได้นั้น เป็นเรื่องที่ต้องรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านถึงผลดีผลเสีย รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโทรคมนาคม เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด “หากจะมีการกำหนดอัตราค่าบริการที่แตกต่างกัน ก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่จะทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้ว่ากำลังจะใช้บริการโทรภายในเครือข่ายหรือนอกเครือข่าย เพราะถ้าผู้บริโภคไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค เพราะผู้บริโภคอาจเกิดความเข้าใจผิดว่ากำลังโทรในเครือข่ายซึ่งโทรฟรีหรืออัตราค่าบริการถูก จึงโทรนาน แต่ปรากฏว่าปลายสายย้ายค่ายไปแล้ว ทำให้กลายเป็นการโทรนอกเครือข่ายที่ต้องเสียค่าบริการแพง นอกจากนี้ ถ้าจะมีการอนุญาตให้สามารถกำหนดอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันได้ ก็ต้องกำกับอัตราค่าบริการให้สอดคล้องกับต้นทุน ไม่ใช่ปล่อยให้กำหนดราคาแตกต่างกันได้โดยเสรี มิเช่นนั้นก็จะเกิด network effect เพราะทุกวันนี้มีการออกแพ็คเกจโทรฟรีในเครือข่าย ส่วนนอกเครือข่ายคิดราคาเต็ม ซึ่งทำให้ราคาค่าบริการแตกต่างกันหลายเท่าตัว เมื่อเป็นเช่นนี้รายเล็กก็จะแข่งขันสู้รายใหญ่ไม่ได้ และก็จะล้มหายตายจากตลาดกันหมด” นายประวิทย์กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงาน การประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเรื่องคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ฟ้องคดี 4 รายถอนอุทธรณ์และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความกรณีที่ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่ง กทช. ที่ 19/2553 เรื่อง ห้ามเรียกเก็บค่าบริการในกิจการโทรคมนาคมจากผู้ใช้บริการในอัตราที่แตกต่างกันสำหรับบริการโทรคมนาคมลักษณะหรือประเภทเดียวกัน ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2553 ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนคำสั่ง กทช. ดังกล่าวแทน กรณีข้อพิพาทดังกล่าวสืบเนื่องจากในสมัยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้เคยมีคำสั่งห้ามผู้รับใบอนุญาตดำเนินการจัดทำรายการส่งเสริมการขายในลักษณะที่มีการเรียกเก็บค่าใช้บริการโทรคมนาคมจากผู้ใช้บริการของตนในอัตราที่แตกต่างกัน สำหรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในโครงข่าย (On-net) และการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่างโครงข่าย (Off-net) โดยหากพบว่าผู้ประกอบกิจการรายใดฝ่าฝืน ให้สำนักงานกสทช. กำหนดมาตรการบังคับทางปกครองเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัดอย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ กทช. ออกคำสั่งดังกล่าว ได้มีผู้ประกอบกิจการ 4 ราย ได้แก่ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด บริษัทดิจิตอล โฟน จำกัด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน) ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง โดยขอให้เพิกถอนคำสั่งของ กทช. ซึ่งต่อมาศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด แต่ต่อมาก็ได้ขอถอนอุทธรณ์ และทำหนังสือขอให้ กสทช. พิจารณาทบทวนคำสั่ง กทช.-สำนักข่าวไทย.

ศบค.อนุญาตต่างชาติ 6 กลุ่มเดินทางเข้าประเทศ

ศบค.อนุญาตให้ต่างชาติ 6 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศไทย และอนุญาตสมาคมแบดมินตันฯ เสนอจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับนานาชาติ BWF Word Tour ในประเทศไทย

“เดอะร็อก” โพสต์คลิปคุยและสนับสนุนไบเดน-แฮร์ริส

ดเวย์น จอห์นสัน อดีตนักมวยปล้ำเจ้าของฉายา “เดอะร็อค” โพสต์คลิปสนทนาทางไกลและประกาศตัวสนับสนุนนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงประธานาธิบดีสหรัฐ

1 219 220 221 222 223 440