นิวเดลี 28 ก.ย.- รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียจะให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริหารระบบการรถไฟแห่งชาติที่เก่าแก่และขาดทุนเป็นครั้งแรก
เว็บไซต์นิกเกอิเอเชียนรีวิวของญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทที่แสดงความสนใจได้แก่ จีเอ็มอาร์อินฟราสตรักเจอร์ในอินเดีย อัลสตอมในฝรั่งเศส และบอมบาร์ดิเยร์ในแคนาดา รัฐบาลจะให้เอกชนทยอยนำรถไฟใหม่เข้ามาให้บริการ 151 ขบวนเริ่มตั้งแต่ปี 2566 เสริมรถไฟของการรถไฟอินเดียที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 13,000 ขบวน ครอบคลุมเครือข่ายระยะทาง 68,000 กิโลเมตร คาดว่าเงินลงทุนจะอยู่ที่ 300,000 ล้านรูปี (ราว 129,000 ล้านบาท) กระทรวงคมนาคมเผยว่า บริษัทที่ได้รับเลือกจะต้องรับผิดชอบเงินทุน การจัดหา การเดินรถและการซ่อมบำรุงขบวนรถไฟใหม่ทั้งหมด ขบวนรถไฟส่วนใหญ่จะต้องผลิตในอินเดีย ออกแบบให้แล่นได้สูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รายงานระบุว่า แผนการนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของระบบรถไฟอินเดียที่เริ่มเดินรถตั้งแต่ปี พ.ศ.2396 ในช่วงที่ยังเป็นอาณานิคมอังกฤษ จำเป็นต้องยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ความพึงพอใจของผู้โดยสาร และเทคโนโลยีใหม่ ๆ นายกรัฐมนตรีโมดีแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 16 กันยายนว่า การรถไฟอินเดียจะต้องใช้เงินลงทุน 50 ล้านล้านรูปี (ราว 21.5 ล้านล้านบาท) จนถึงปี 2573 ในการขยายเครือข่าย เพิ่มสมรรถนะ และปรับปรุงให้ทันสมัย แต่ไม่มีเงินลงทุนมากขนาดนั้นจึงต้องเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมบริหาร
รายงานระบุด้วยว่า รัฐบาลอินเดียที่ผ่านมาพยายามทำให้ค่าโดยสารรถไฟต่ำ ให้การอุดหนุนค่าโดยสารแก่คนชราและ ครอบครัวทหารผ่านศึก เป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง เพราะคนจนจำนวนมากพึ่งพารถไฟของรัฐเป็นพาหนะในการเดินทาง ปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2561 การรถไฟอินเดียขาดทุน 311,280 ล้านรูปี (ราว 133,920 ล้านบาท) ในธุรกิจโดยสาร เพราะค่าตั๋วต่ำกว่าต้นทุน แต่ได้กำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้ามาชดเชย.- สำนักข่าวไทย