Arnat Sakdaronnarong

โตเกียว 7 มี.ค. – ฟาสต์ รีเทลลิ่ง (Fast Retailing) บริษัทแม่ของยูนิโคล่ (UNIQLO) แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกของญี่ปุ่น ยืนยันว่า จะไม่สั่งปิดร้านค้าของยูนิโคล่ในรัสเซียเหมือนกับแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำรายอื่น ๆ ที่สั่งปิดร้านค้าไปก่อนหน้านี้เพื่อคัดค้านที่รัสเซียนำกองทหารบุกโจมตียูเครน นายทาดาชิ ยาไน ประธานบริษัทฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า สถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนไม่ควรปิดกั้นชาวรัสเซียในการเข้าถึงการซื้อเสื้อผ้า ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ชาวรัสเซียจึงมีสิทธิที่จะเข้าถึงการเลือกซื้อเสื้อผ้าเช่นเดียวกับทุกคน แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า โลกยุคปัจจุบันไม่ควรมีสงครามเกิดขึ้น ทุกประเทศควรคัดค้านการทำสงคราม ประเทศในทวีปยุโรปได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต่อต้านการทำสงครามและสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ ในทางกลับกัน ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามจะทำให้โลกใบนี้แตกแยก ก็จะพบว่าโลกใบนี้ยิ่งสามัคคีกันมากขึ้น ในขณะเดียวกัน โฆษกของฟาสต์ รีเทลลิ่ง ระบุว่า บริษัทมีร้านค้าของยูนิโคล่ทั้งหมด 49 สาขาในรัสเซีย และจะเฝ้าระวังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป แต่ยังไม่มีแผนที่จะประกาศปิดบริการร้านค้าเหล่านี้ ทั้งนี้ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง เผยเมื่อวันศุกร์ว่า ได้บริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 330 ล้านบาท และเสื้อผ้า 200,000 ชิ้นให้แก่สำนักงานด้านผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเพื่อนำไปช่วยเหลือชาวยูเครนที่ต้องอพยพออกนอกประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนหน้านี้ อินดิเท็กซ์ […]

เคียฟ 7 มี.ค. – ยูเครนระบุว่า การเปิดระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridors) ของรัสเซียเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมโดยสิ้นเชิง หลังรัสเซียประกาศว่าจะอนุญาตให้ชาวยูเครนอพยพออกจากเมืองต่าง ๆ ของยูเครนโดยที่จะถูกส่งไปยังเบลารุสหรือรัสเซียเท่านั้น โฆษกของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า ชาวยูเครนควรได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากบ้านเรือนในดินแดนของยูเครนได้อย่างอิสระ และกล่าวหารัสเซียว่าพยายามจงใจขัดขวางการอพยพประชาชนของทางการยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า การเปิดระเบียงมนุษยธรรมของรัสเซียเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากชาวยูเครนทุกคนควรได้รับสิทธิที่จะอพยพไปยังสถานที่ใดก็ได้ในดินแดนของยูเครน ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กองทัพรัสเซียจะเปิดระเบียงมนุษยธรรมในเวลา 10.00 น. ตามเวลาในรัสเซีย หรือตรงกับเวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในเมืองต่าง ๆ ของยูเครน เช่น กรุงเคียฟ เมืองคาร์คีฟ และเมืองซูมี โดยที่ชาวยูเครนที่ต้องการออกจากกรุงเคียฟจะต้องขึ้นเที่ยวบินไปยังรัสเซีย ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียได้เผยแพร่แผนที่ที่แสดงให้เห็นว่า ชาวยูเครนที่เดินทางออกจากกรุงเคียฟจะถูกส่งไปยังเบลารุส ชาวเมืองคาร์คีฟจะถูกส่งไปยังรัสเซีย ชาวเมืองมารีอูปอลและซูมีจะถูกส่งไปยังเมืองอื่นของยูเครนหรือรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย

เคียฟ 7 มี.ค. – กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า กองทัพรัสเซียจะประกาศหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเปิดระเบียงมนุษยธรรม (humanitarian corridor) ให้ชาวยูเครนอพยพออกจากเมือง หลังการบุกโจมตียูเครนของรัสเซียทำให้การอพยพหยุดชะงักและมีพลเรือนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า กองทัพรัสเซียจะเปิดระเบียงมนุษยธรรมในเวลา 10.00 น. ตามเวลาในรัสเซีย หรือตรงกับเวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในเมืองต่าง ๆ ของยูเครน เช่น กรุงเคียฟ เมืองคาร์คีฟ และเมืองซูมี ตามคำร้องขอส่วนตัวจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ชาวยูเครนที่ต้องการออกจากกรุงเคียฟจะต้องขึ้นเที่ยวบินไปยังรัสเซีย โดยที่กองทัพรัสเซียจะใช้โดรนบินติดตามการอพยพในครั้งนี้ ทั้งยังระบุว่า ความพยายามของรัฐบาลยูเครนในการสร้างเรื่องโกหกรัสเซียและโลกอารยะในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซียถูกทั่วโลกประณามการเปิดฉากบุกโจมตียูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จนทำให้ชาวยูเครนกว่า 1.5 ล้านคนต้องอพยพออกนอกประเทศ และทำให้หลายประเทศที่นำโดยชาติตะวันตกประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีชาวยูเครนราว 200,000 คนที่ติดอยู่ในเมืองมารีอูปอล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ต้องหลบภัยกระสุนและใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้ดิน เนื่องจากไม่สามารถอพยพออกจากเมืองดังกล่าวที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมาเป็นเวลากว่า 6 วัน จนทำให้ชาวเมืองถูกตัดอาหาร น้ำดื่ม ไฟฟ้า และเครื่องทำความร้อน ก่อนหน้านี้ […]

เคียฟ 7 มี.ค. – คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพเด็กหญิงชาวยูเครนร้องเพลง ‘เล็ต อิท โก’ (Let It Go) ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นชื่อดังเรื่อง ‘โฟรเซน’ (Frozen) หรือมีชื่อไทยว่า ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ กำลังกลายเป็นกระแสไวรัลและได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า ชาวยูเครนบางส่วนหันไปพึ่งดนตรีเพื่อปลอบประโลมจิตใจท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียนำกองกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอย่างหนักเข้าสู่วันที่ 11 คลิปวิดีโอที่ตกเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์เผยให้เห็นภาพเด็กหญิงชาวยูเครนกำลังร้องเพลงฮิต ‘เล็ต อิท โก’ จากภาพยนตร์แอนิเมชั่นชื่อดังเรื่อง ‘โฟรเซน’ ที่เข้าฉายเมื่อปี 2556 โดยที่เธอกำลังร้องเพลงนี้ในห้องที่มีสภาพเหมือนห้องหลบภัยใต้ดินที่รายล้อมไปด้วยอีกหลายครอบครัวและเด็กหลายคน หลังจากที่เธอร้องเพลงจบ ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากทุกคนในห้อง อย่างไรก็ดี ขณะนี้บีบีซียังไม่สามารถตรวจสอบที่มาของคลิปดังกล่าวได้แน่ชัด นอกจากคลิปดังกล่าวแล้ว บีบีซียังรายงานว่า มีการเผยแพร่คลิปวิดีโออื่น ๆ ในโลกออนไลน์ เช่น คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพผู้หญิงชาวยูเครนกำลังสีไวโอลินในหลุมหลบภัย และคลิปที่ได้รับการเผยแพร่โดยผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์สในกรุงเคียฟที่เผยให้เห็นผู้หญิงชาวยูเครนเล่นเปียโนเพลง ‘ว็อท อะ วันเดอร์ฟูล เวิลด์’ (What a Wonderful World) ของหลุยส์ อาร์มสตรอง ตำนานนักดนตรีผิวดำผู้บุกเบิกวงการเพลงแจ๊สของสหรัฐ อยู่ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหลักของเมืองหลวง.-สำนักข่าวไทย

วอชิงตัน 7 มี.ค. – สื่อของสหรัฐรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้เปิดสายด่วนแบบเข้ารหัสให้ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน สามารถต่อสายตรงถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน  ของสหรัฐ ขณะที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐกำลังดำเนินการเพื่อขัดขวางการโจมตีด้านดิจิทัลและการสื่อสารของรัสเซีย หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองบัญชาการไซเบอร์ของสหรัฐที่มีสำนักงานในสหรัฐและเยอรมนีได้มอบข้อมูลข่าวกรองจากภาพถ่ายทางดาวเทียมและการดักฟังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กองทัพยูเครนภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว นอกจากนี้ สหรัฐยังจัดส่งอุปกรณ์สื่อสารแบบเข้ารหัสให้แก่ประธานาธิบดีเซเลนสกี เพื่อให้ผู้นำยูเครนสามารถต่อสายด่วนตรงถึงประธานาธิบดีไบเดนได้อย่างปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีไบเดนเมื่อวันเสาร์เป็นเวลา 35 นาที ขณะที่เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐ ระบุเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนว่า สหรัฐได้แบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับยูเครนอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย

เคียฟ 7 มี.ค. – ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ยืนยันว่าจะเดินหน้าปฏิบัติการบุกโจมตียูเครนต่อไปยกเว้นยูเครนจะประกาศยอมแพ้ ขณะที่การโจมตีของรัสเซียทำให้ชาวยูเครนราว 200,000 คนไม่สามารถอพยพออกจากเมืองมารีอูปอล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีปูตินกล่าวในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเรเจพ ทายยิพ แอร์โดอาน ของตุรกี ว่า รัสเซียพร้อมเจรจาเพื่อยุติการต่อสู้ในยูเครน แต่ความพยายามที่จะยืดการเจรจาออกไปทำให้ผลการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ รัสเซียจะยุติปฏิบัติการพิเศษในยูเครนโดยมีข้อแม้ว่ายูเครนต้องประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารและทำตามข้อเรียกร้องของรัสเซียเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ทางการยูเครนรายงานว่า ชาวยูเครนส่วนใหญ่ในเมืองมารีอูปอล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของยูเครน ต้องหลบภัยกระสุนและใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้ดิน เนื่องจากไม่สามารถอพยพออกจากเมืองดังกล่าวที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อมมาเป็นเวลากว่า 6 วัน จนทำให้ชาวเมืองถูกตัดอาหาร น้ำดื่ม ไฟฟ้า และเครื่องทำความร้อน องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุเมื่อวันอาทิตย์ว่า ขณะนี้ มีพลเรือนยูเครนเสียชีวิต 364 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กเสียชีวิตกว่า 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเผยว่า ผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ถูกโจมตีด้วยอาวุธระเบิดที่หวังผลเป็นวงกว้าง เช่น การยิงปืนใหญ่ การใช้ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง การโจมตีด้วยขีปนาวุธ และการโจมตีทางอากาศ.-สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่ของทางการเมืองมารีอูปอล เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน เรียกร้องให้ผู้นำขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ส่งกองกำลังทหารช่วยยูเครน โดยระบุว่า รัสเซียจะไม่หยุดโจมตีจนกว่ายูเครนจะราบเป็นหน้ากลอง และทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

กระทรวงต่างประเทศของจีน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน หลังเกิดเหตุไฟไหม้อาคารฝึกอบรมนอกเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าซาปอริชเชียที่ถูกรัสเซียโจมตี โดยที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครน

เคียฟ 4 มี.ค. – ทางการยูเครนระบุวันนี้ว่า กองทัพรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย (Zaporizhzhia) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครนไว้ได้แล้ว หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารฝึกอบรมนอกเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าที่ถูกรัสเซียโจมตี ทางการท้องถิ่นของยูเครนยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า กองทัพรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียไว้แล้ว ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของโรงไฟฟ้าดังกล่าวกำลังตรวจสอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ทางการยูเครนระบุว่า สามารถดับไฟที่เกิดขึ้นบริเวณอาคารฝึกอบรมได้แล้วหลังถูกรัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งทำให้ทั่วโลกวิตกกังวลว่าอาจเกิดหายนะครั้งใหญ่ด้านนิวเคลียร์ขึ้นที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ด้านนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐ ระบุว่า ระดับการแผ่รังสีในพื้นที่ดังกล่าวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 1 ใน 5 ของที่ผลิตได้ทั้งหมดในยูเครน ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า มีระเบิดและกลุ่มควันพวยพุ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้อาคารสูง 5 ชั้นของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย คลิปดังกล่าวยังเผยให้เห็นภาพอาคารแห่งหนึ่งถูกเพลิงไหม้และระเบิดที่ถูกยิงตกลงไปในพื้นที่ข้างลานจอดรถยนต์จนทำให้เกิดกลุ่มควันลอยคลุ้งไปทั่ว. -สำนักข่าวไทย