“นายกหมู” ขอรัฐตรวจสอบหมูเถื่อนตกค้างในเขตปลอดอาการ

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติขอให้ดีเอสไอขยายผลตรวจสอบเขตปลอดอากรเพื่อดำเนินคดีขบวนการ “หมูเถื่อน” อย่างเด็ดขาด พร้อมขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบซ้ำ ทั้งตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างในท่าเรือทุกแห่ง โดยเฉพาะท่าเรือคลองเตย รวมถึงห้องเย็นทั่วประเทศเพื่อให้มั่นใจว่า ปลอด “หมูเถื่อน” ที่จะเป็นปัจจัยกดดันราคาของผู้เลี้ยงที่ยังคงอยู่ในภาวะขาดทุนนานกว่า 1 ปี


นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติกล่าวว่า ได้ติดตามการปฏิบัติงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการเข้าตรวจค้นซ้ำที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567 เป็นการขยายผลจากการจับกุมหมูเถื่อน 161 ตู้ เมื่อปลายปี 2566 ซึ่งพบ “หมูเถื่อน” 17 ตู้คอนเทนเนอร์นั้น สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติต้องการให้ดีเอสไอขยายผลการตรวจสอบเขตปลอดอากรของกรมศุลกากรเนื่องจากยังคงกังวลว่า อาจมีการระบายระบายหมูเถื่อนออกมา

ทั้งนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ทำหนังสือถึงดีเอสไอแจ้งถึงข้อกังวล 6 ข้อ ประกอบด้วย


  1. ปริมาณการซื้อ-ขายสินค้าสุกรในเขตปลอดอากร ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ได้มีการนำสินค้าประเภทซากสัตว์ ประเภทสุกร เครื่องในโค ตีนไก่ เข้ามาในประเทศไทย รวม 3,469 ตู้ (ล่าสุดดีเอสไอแจ้งว่า รวมเพิ่มเป็น 5,900 ตู้) ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับเลขคดีพิเศษ 126/2566 ที่มีการนำเข้าช่วงปี 2564-2566 จำนวน 2,388 ตู้ จาก 2,385 ใบขนสินค้าขาเข้า ที่เป็นความผิดที่เกิดขึ้นย้อนหลัง ซึ่งต้องขยายผลในลักษณะเดียวกันกับที่เป็นความผิดต่างกรรมและมีจำนวนครั้งของการกระทำความผิดสูงมาก
  • จำนวนลูกค้าผู้ซื้อต่อในประเทศไทยจากผู้กระทำความผิดในเขตปลอดอากรดังกล่าว จากประมาณ 100 ราย ของกลุ่มบริษัทในเขตปลอดอากรดังกล่าว ยังไม่มีการขยายผลแต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวนได้เก็บหลักฐานดังกล่าวมาไว้ในวันที่นำหมายเข้าตรวจและประเมินปริมาณการซื้อขาย 3 ปีย้อนหลัง มีจำนวนถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในจำนวนลูกค้ามียอดซื้อขายสะสมสูงถึง 6,000 ล้านบาท โดยลูกค้าในกลุ่มนี้ถือว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดเช่นกัน ที่สามารถนำมาดำเนินคดี และยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน เพราะสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมสุกรไทยอย่างมาก
  • การกระจายสินค้าผิดกฎหมายในเขตอากรดังกล่าว จะกระทำในลักษณะของการนำสินค้าออกไปยังประเทศที่ 3 แต่ใช้การขนย้ายกลับเข้าประเทศ ในลักษณะกองทัพมด นำไปกระจายตามห้องเย็นต่างๆ ทั่วประเทศ  จึงควรจขยายผลนำรายชื่อห้องเย็นในเครือข่าย มาตรวจสอบว่า รับรู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งน่าจะติดตามได้ไม่ยาก หลังมีการขึ้นทะเบียนห้องเย็น ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ตามโครงการการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการห้องเย็นตั้งแต่ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นไป ตามนโยบายการปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมายที่มีกรอบเวลาที่สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
  • ยังไม่มีการตรวจสอบย้อนหลังไปถึงการขออนุญาตประกอบการเป็นเขตปลอดอากร ซึ่งเป็นอำนาจการอนุมัติของอธิบดีกรมศุลกากร  และสืบสวน สอบสวนกระบวนการตรวจสอบ หลังการได้รับการอนุมัติเป็นผู้ประกอบการในเขตปลอดอากร ซึ่งถือว่า เป็นการกระทำความผิด ตามวัตถุประสงค์ของการขออนุญาตดังกล่าว
  • ในการนำหมายเข้าตรวจบริษัทผู้กระทำความผิดในเขตปลอดอากรดังกล่าว ไม่ปรากฏการอายัดสินค้าในเขตปลอดอากรที่มีจำนวนสูงมาก ซึ่งคาดว่าสินค้าในเขตปลอดอากรดังกล่าว จะยังคงมีการปล่อยออกสู่ตลาดและกดดันราคาสุกรขุน ที่เป็นการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรของไทยอย่างต่อเนื่อง
  • จากรายงานข่าวเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้บริหารสตรีท่านหนึ่งของบริษัทในกลุ่มที่เป็นเขตปลอดอากร มีความเชื่อมโยงถึงนายด่านกักกันท่านหนึ่ง (ของกรมปศุสัตว์)  จึงขอทราบความคืบหน้าของการตรวจสอบข้าราชการท่านนี้ เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อกรมปศุสัตว์โดยรวม เพราะสำนวนที่มีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดที่ส่งไปยัง ป.ป.ช. 5 สำนวน (คดีพิเศษที่ 59/2566 ที่101/ 2566 ที่104/2566 ที่105/2566 และเลขคดีพิเศษที่ 106/2566) ยังไม่มีความคืบหน้า การทำความเห็น หรือ ส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ ซึ่งการกระทำความผิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นความเสี่ยงต่อเนื่อง จากการอำนวยความสะดวกให้เกิดการกระทำความผิดที่จะกระทบถึงตลาดสุกรไทย

นายสิทธิพันธ์กล่าวว่า ต้องการให้หน่วยงานภารรัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ “หมูเถื่อน” ที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศซ้ำอีกครั้ง ทั้งในห้องเย็นและท่าเรือต่างๆ โดยเฉพาะท่าเรือกรุงเทพฯ หรือท่าเรือคลองเตยที่ยังมีตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงต้องการให้ยกระดับการตรวจสอบตู้สินค้านำเข้าเช่นเดียวกับที่ท่าเรือแหลมฉบัง

ผู้เลี้ยงสุกรขาดทุนต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปีจากการที่ “หมูเถื่อน” กดดันราคา ประกอบต้นทุนการผลิตที่สูงจากทั้งปัจจัยของราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขยับตัวสูงขึ้นมากจนมาอยู่ที่ 11.20 บาทต่อกิโลกรัมซึ่งจะทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ของการเลี้ยงสุกรจะสูงขึ้นอีก

ขณะที่ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มยังทรงตัว 68 – 76 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตซึ่งอยู่ที่ 80-82 บาทต่อกิโลกรัม แม้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย แต่ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไม่ได้ปรับเพิ่มเนื่องจากสภาวะฝนตกทั่วไทยกระทบการออกมาจับจ่ายของผู้บริโภค รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้การบริโภคชะลอตัว ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรชิ้นส่วนสะโพก หัวไหล่ มีราคาจำหน่ายปลีกใกล้เคียงราคาจำหน่ายปลีกของเนื้อไก่แล้ว


ขอให้ภาครัฐเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำตามกฎหมายทุกคนเพราะหมูเถื่อนเป็นปัจจัยทำให้เกิดหมูส่วนเกินที่กดดันราคาในตลาด เกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้จึงจำเป็นต้องปราบปรามให้หมดสิ้น เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางอาหารของคนไทยและสนับสนุนให้ผู้เลี้ยงประกอบอาชีพได้ต่อไป. 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อพยพออกจากตึก

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ให้เข้าใช้งานในอาคารได้แล้ว

ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ สั่งคนออกจากตึกทันที หลังเกิดเสียงดัง-รอยร้าว-เศษปูนร่วง ล่าสุดแจ้งให้เข้าใช้งานในอาคารได้แล้ว

“เอกนัฏ” ลงเก็บตัวอย่างเหล็กตึกถล่มส่งพิสูจน์ ยอมรับเห็นแล้วอึ้ง

รมว.อุตสาหกรรม ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเหล็ก ส่งพิสูจน์สถาบันเหล็ก เชิญสื่อร่วมติดตามผลตรวจ ยังไม่ปรักปรำใคร-ยอมรับเห็นแล้วอึ้ง

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก