“ปศุสัตว์” ย้ำไม่เกี่ยวขบวนการลอบนำเข้าหมูเถื่อน-ส่วยสำแดงเท็จ

กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.- อธิบดีกรมปศุสัตว์ยืนยัน กรมปศุสัตว์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน ตามข่าวที่ระบุว่า กลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าจะสำแดงเท็จเป็นปลาและอาหารทะเล โดยจ่ายเงินแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากร แลกการไม่ตรวจสอบสินค้าในตู้ เผยขั้นตอนการยื่นขออนุญาตนำเข้าปลาและอาหารทะเล ไม่ต้องติดต่อด่านปศุสัตว์ แต่หากเป็นสินค้าปศุสัตว์ จะตรวจสอบทุกตู้


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวในสื่อมวลชนว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนใช้วิธีสำแดงสินค้านำเข้าเป็นปลาและอาหารทะเล โดยจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร เพื่อแลกกับการไม่ถูกตรวจสอบสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ โดยกรมปศุสัตว์ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบการนำเข้าหมูเถื่อนอย่างแน่นอน ตลอดจนไม่มีการเรียกรับเงินแลกกับการไม่ตรวจสอบสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่ผู้นำเข้าสินค้าสำแดงเท็จเป็นปลาและอาหารทะเลตามที่เป็นข่าวเนื่องจากตามขั้นตอนการนำเข้าสินค้าปลาและอาหารทะเลนั้น ด่านกักกันสัตว์ท่าเข้าของกรมปศุสัตว์จะไม่ได้รับแจ้งการขออนุญาตจึงไม่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบสินค้าแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ลักลอบนำเข้าจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ แต่หากมีการสำแดงสินค้านำเข้ากลุ่มปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ท่าเข้าของกรมปศุสัตว์จะตรวจสอบทุกตู้

ในทางกลับกัน ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สั่งการให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ ปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ และปกป้องผู้บริโภค โดยกรมปศุสัตว์ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางติดตามตรวจสอบการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ตามห้องเย็นทั่วประเทศ ทั้งยังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรติดตามตรวจสอบการลักลอบตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถจับกุมและตรวจยึดเนื้อหมูและชิ้นส่วนที่ลักลอบนำเข้าภายใต้อำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และเมื่อปลายปี พ.ศ. 2565 กรมปศุสัตว์ได้ประเมินความเสี่ยงของขบวนการลักลอบนำเข้าซากและชิ้นส่วนสุกรแล้ว จึงได้ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามให้เข้มข้นมากขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีการสลับปรับเปลี่ยนหัวหน้าด่านกักกันสัตว์ท่าเข้า ที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำเข้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปราม


สำหรับผลการเข้าตรวจสอบเพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนที่ผ่านมานั้น ได้เข้าตรวจสอบผู้ประกอบการ 510 ครั้ง สามารถยึดอายัดซากและชิ้นส่วนสุกรและฝังทำลายแล้ว รวมปริมาณ 1,031,536 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 173,024,174 บาท ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้จัดพิธีฝังทำลายซากสุกร ที่ตรวจสอบพบและดำเนินคดีกว่า 7 แสนกิโลกรัมหรือ 700 ตันซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมีดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กษ.เป็นประธาน เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566

จากการตรวจสอบและจับกุมอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้ลักลอบนำเข้าไม่สามารถนำซากสัตว์มาเก็บรักษาในห้องเย็นและส่งจำหน่ายได้สะดวก ส่งผลให้มีตู้สินค้าตกค้างในเขตอารักขาของด่านศุลกากรจำนวนมาก จนกระทั่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการโครงการท่าเรือสีขาว ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการเปิดตู้ตรวจสอบสินค้าตกค้าง ณ ด่านศุลกากรแหลมฉบัง โดยมีรายงานจากด่านศุลกากรแหลมฉบังว่า พบตู้สินค้าเนื้อหมูและชิ้นส่วนตกค้าง 161 ตู้ ปริมาณซากหมูกว่า 4.5 ล้านกิโลกรัม

กรมปศุสัตว์ยังคงมุ่งมั่นร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง รวมทั้งได้สั่งการและเน้นย้ำให้ เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ ปศุสัตว์จังหวัดและปศุสัตว์อำเภอทั่วประเทศ ติดตาม ตรวจสอบและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ในทุกช่องทาง ทั้งทางด่านท่าเรือ ทางด่านสนามบินระหว่างประเทศ และตามแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน และจัดตั้งทีมสารวัตรปศุสัตว์ไซเบอร์เพื่อตรวจสอบทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงมีการสุ่มตรวจสอบห้องเย็น สถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า


ทั้งนี้เป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการส่งเสริมให้ประชาชนเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากสถานที่จำหน่ายที่กรมปศุสัตว์ให้การรับรอง สามารถตรวจสอบย้อนได้ถึงแหล่งผลิตที่มาจากมาตรฐานฟาร์ม โรงเชือดที่ถูกกฎหมายและได้สุขอนามัย โดยสถานที่จำหน่ายที่ผ่านการตรวจสอบรับรอง จะได้รับตราสัญลักษณ์“ปศุสัตว์ OK” ติดอยู่ที่สถานที่จำหน่าย ซึ่งปัจจุบันมีสถานที่จำหน่ายที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์แล้วกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ

นายสัตวแพทย์สมชวนย้ำว่า กรมปศุสัตว์ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ภายใต้ พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังป้องกันโรคระบาดสัตว์ที่เชื้อโรคอาจติดมากับเนื้อหรือชิ้นส่วนสุกรที่ไม่ได้รับการตรวจสอบแหล่งผลิตและไม่อนุญาตให้นำเข้า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากโรคและสารตกค้าง รวมถึงปกป้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าซากสัตว์มาแทรกแซงกลไกการตลาดในประเทศส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงอย่างไม่เป็นธรรมอีกด้วย

หากประชาชนมีเบาะแสหรือพบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายด้านปศุสัตว์ หรือพบเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา หรือผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรมปศุสัตว์ เป็นต้น ทั้งนี้กรมปศุสัตว์จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงโทษตามฐานความผิดอย่างเด็ดขาดต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]