กรุงเทพฯ 8 มี.ค.-อธิบดีกรมอุตุฯ ระบุช่วงวันที่ 12-13 มี.ค.นี้ อาจเกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมา แล้วปะทะกับอากาศร้อนที่ปกคลุมอยู่ ทำให้ภาคเหนือและอีสานตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก จากนั้นอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย แต่การสะสมของฝุ่น PM2.5 ยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า ประเทศไทยตอนบน ยังไม่มีฝน อากาศเริ่มร้อนขึ้นในตอนกลางวัน ช่วงเช้ายังมีอากาศเย็นบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ท้องฟ้าโปร่ง เมฆน้อย ลมทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้ และลมใต้ที่พัดปกคลุม มีกำลังอ่อนถึงปานกลาง เตือนประชาชนให้รักษาสุขภาพจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ต้องระวังโรคลมแดด ส่วนภาคใต้ยังมีฝนบางแห่ง โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่างเนื่องจากอิทธิพลของลมตะวันออกที่พัดปกคลุม คลื่นลมจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ชาวเรือและชาวประมงยังต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวังบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
จากนั้นระหว่างวันที่ 12 – 13 มี.ค. บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนต้องเฝ้าระวังพายุฤดูร้อนเนื่องจากมวลอากาศเย็นจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ปกคลุมประเทศไทยในขณะนี้ อาจทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง มีฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกได้ในช่วงแรก จึงต้องติดตามและเตรียมการรับมือ ต่อมาในช่วงวันที่ 14 -17 มี.ค. ตอนบนของประเทศไทยจะมีอากาศเย็นลงเล็กน้อย ฝนตกบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนบน ลมใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมจะช่วยคลายร้อนได้บ้าง
สำหรับคาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดตามรายภาคระหว่างเวลา 06:00 น. วันนี้ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ มีดังนี้
- ภาคเหนืออุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
- ภาคกลางอุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส
- ภาคตะวันออกอุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส
- ภาคใต้ อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส
- กรุงเทพและปริมณฑลอุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส
นอกจากนี้ยังเตือนให้เฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นซึ่งเพิ่มขึ้นต่อทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ โดยสะสมมากในภาคเหนือเนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อน จึงขอให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันขณะออกนอกบ้าน.-สำนักข่าวไทย