“ชลธี” เผยมีเบื้องลึกเบื้องหลังคำสั่งย้าย เตรียมยื่นลาออก

จันทบุรี 27 ต.ค. – “ชลธี” ผอ.สวพ. เขต 6 “มือปราบทุเรียนอ่อน” เตรียมยื่นใบลาออกจากข้าราชการ ระบุ คำชี้แจงของอธิบดีกรมวิชาการเกษตรที่ว่า ให้ไปอยู่ในตำแหน่งใหญ่ขึ้น ไม่เป็นความจริง ชี้การโยกย้ายมีเบื้องลึกเบื้องหลังจากขบวนการค้าทุเรียนอ่อนสวมสิทธิ์ส่งออก


นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (ผอ.สวพ. 6) กล่าวถึงการที่นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรชี้แจงเหตุผลการโยกย้ายตนเองไปเป็นผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช (ผอ.กมพ.) ว่า เป็นไปตามวาระที่จะครบ 4 ปี ตามกฎระเบียบของข้าราชการพลเรือน รวมถึงเป็นตำแหน่งหลักในการควบคุมคุณภาพมาตรฐาน พืช ผัก ผลไม้ และออกใบอนุญาต GAP และ GMP ทั้งประเทศ เอื้อต่อการให้ได้มีบทบาท อำนาจ หน้าที่มากกว่าการเป็น ผอ.สวพ.เขต 6 ที่ดูแลเพียงไม่กี่จังหวัดในภาคตะวันออก โดยนายชลธีระบุว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ไม่ได้กำหนดวาระตำแหน่งผู้อำนวยการกอง/สำนัก ว่า ต้องย้ายเมื่อดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี รวมถึงนายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผอ.กมพ. ที่จะย้ายสลับมาเป็นผอ.สวพ.  6 คนใหม่แทนตนนั้น อยู่ในตำแหน่งเดิมเพียง 3 เดือนเท่านั้น

ส่วนที่บอกว่า การโยกย้ายจะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างผลงานขึ้นตำแหน่งรองอธิบดีใด้ในอนาคตเพราะอายุราชการเหลือถึง 5 ปีนั้น อธิบดีกรมวิชาการเกษตรทราบดีว่า ตนไม่ประสงค์จะรับตำแหน่งที่สูงไปกว่านี้ โดยสละสิทธิ์การเข้าอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงมา 3 ปีแล้วเนื่องจากต้องการทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ภาคตะวันออกและสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเกิดเพราะเป็นคนจังหวัดจันทบุรี


ทั้งนี้หลายฝ่ายทราบถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่ทำให้มีการโยกย้ายว่า เกี่ยวข้องการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มค้าทุเรียนอ่อนซึ่งพยายามนำมาสวมสิทธิ์ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งตนเองได้เข้มงวดตรวจจับและสกัดกั้นมาโดยตลอดเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจชาติ

นายชลธีกล่าวว่า ตัดสินใจลาออกจากข้าราชการเนื่องจากต้องปกป้องศักดิ์ศรีของข้าราชการที่ต้องไม่ยอมให้มีการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่จากฝ่ายการเมือง อีกทั้งผู้บังคับบัญชาที่ควรปกป้องและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานตรงไปตรงมา กลับโอนอ่อนตามการแทรกแซงนั้น นอกจากนี้ยังทราบว่า มีการเตรียมผู้มารับตำแหน่งผอ.กมพ. ไว้แล้ว เพราะทราบดีว่า ตนเองจะไม่ยอมรับการโยกย้ายที่ไม่ถูกต้องและจะลาออกแน่นอน

สำหรับนายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (ผอ.สวพ. 6) ได้รับฉายาจากเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ในภาคตะวันออกว่า เป็น “มือปราบทุเรียนอ่อน” โดยสกัดกั้นและตรวจสอบจับกุมการสวมสิทธิ์นำทุเรียนด้อยคุณภาพหรือทุเรียนจากต่างประเทศมาส่งออกในนามทุเรียนไทย ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจสอบล้งแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีซึ่งพบทุเรียนอ่อนถึง 1,908 กิโลกรัมที่เตรียมส่งออกไปต่างประเทศ จึงตรวจยึดและดำเนินคดีเจ้าของล้ง ต่อมามีผู้มาเข้าพบ โดยระบุว่า เป็นผู้ใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่และขอให้ไม่ดำเนินคดีอาญากับเจ้าของล้ง แต่นายชลธีไม่ยอมและแจ้งว่า ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้นายชลธีคาดว่า การขัดขวางการหาผลประโยชน์จากขบวนการค้าทุเรียนอ่อนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ถูกโยกย้าย


ล่าสุดกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ที่เห็นความเอาจริงเอาจังและตรงไปตรงมาในการปฏิบัติหน้าที่ของนายชลธี ส่งผลให้ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศมั่นใจในคุณภาพของทุเรียนไทยดีมากขึ้น ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว โดยเครือข่ายองค์กรผลไม้และผู้ประกอบการส่งออก 16 หน่วยงาน ประกอบด้วย

1. สมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก

2. สมาคมทุเรียนไทย

3. สมาคมชาวสวนลำไยจันทบุรี

4. กลุ่มลุ่มน้ำวังโตนด

5. สมาคมผู้ค้าและส่งออกลำไยภาคตะวันออก

6. สมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน ไทย-กัมพูชา

7. สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย

8. สมาคมชาวสวนผลไม้จังหวัดชุมพร

9. หอการค้าจังหวัดจันทบุรี

10. สมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย

11. สถาบันทุเรียนไทย

12. วิสาหกิจชาวสวนทุเรียนจันท์

13. สภาเกษตรจังหวัดจันทบุรี

14. กลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนจันทบุรี

 15. สมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีน

16. สมาคมทุเรียนใต้

ตามแถลงการณ์ระบุว่า ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนคำสั่งโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของเกษตรกรและประเทศไทยต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]