นายกฯ ชื่นชมนวัตกรรมปุ๋ยชีวภาพและการกำจัดศัตรูพืช

กรุงเทพฯ 25 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยนวัตกรรมปุ๋ยชีวภาพและการกำจัดศัตรูพืชด้วยสารสกัดจากพืชและชีวภัณฑ์ของกรมวิชาการเกษตร ตามนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตระบบเกษตรอินทรีย์ และเกษตรปลอดภัย


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อแสดงนิทรรศการ “นวัตกรรมปุ๋ยและการกำจัดศัตรูพืช เพื่อความปลอดภัยของประชาชน” โดยมีนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรนำเยี่ยมชม โดยมีกลุ่มตัวแทนเกษตรที่ประสบสำเร็จจากการใช้ชีวภัณฑ์จัดการศัตรูพืชร่วมนำเสนอผลการดำเนินการ ที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในการช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดแรงงาน และเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค 

นายระพีภัทร์กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรมีนวัตกรรมทางการเกษตรในการกำจัดศัตรูพืช เพื่อผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดรับตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ประเด็นการพัฒนาภาคการเกษตรให้ส่งเสริมและเร่งขยายผลแนวคิดการทำเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยควบคุมการใช้สารเคมีการเกษตรที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพทดแทนสารเคมีเกษตรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม


กรมวิชาการเกษตรจึงได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลสนับสนุนการผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยวิจัยและพัฒนาสารสกัดธรรมชาติ ชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร ปุ๋ยชีวภาพ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ มาใช้สนับสนุนเป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีความปลอดภัยและสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ

ผลการดำเนินการด้านชีวภัณฑ์ต่างๆ ของกรมวิชาการเกษตรและของบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร ในการควบคุมศัตรูพืช (วัชพืช แมลง โรคพืช) ได้แก่ กลุ่มควบคุมวัชพืช  สารสกัดจากยูคาลิปตัส  ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนสารสกัดจากยูคาลิปตัสเป็นสารกำจัดวัชพืชประเภทใบแคบ เช่น หญ้าขจรจบดอกเล็ก หญ้าตีนนก และวัชพืชประเภทใบกว้าง เช่น บาหยา และสาบม่วง และวัชพืชประเภทกก เช่น กกตุ้มหู  และยังมี สารสกัดแมงลักป่า ซึ่งเป็นผลงานของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช และกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์เป็นสูตรสารละลายน้ำมันเข้มข้น 2 สูตร

กลุ่มควบคุมแมลงศัตรูพืชได้แก่ ราเขียวเมตาไรเซียมป้องกันกำจัดด้วงแรดซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในมะพร้าวและพืชตระกูลปาล์ม และด้วงหนวดยาวศัตรูสำคัญในอ้อย ไส้เดือนฝอยศัตรูแมลงใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เชื้อแบคทีเรียบีทีใช้ในการควบคุมหนอนผีเสื้อศัตรูพืช ไวรัสเอ็นพีวี ใช้ควบคุมหนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม และหนอนเจาะสมอฝ้าย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงศัตรูพืช จากสารสกัดพืช รูปแบบใหม่ 2 ชนิด เป็นผลิตภัณฑ์สูตรผสม สะเดา+หางไหล และ ว่านน้ำ+หางไหล ด้วยนวัตกรรมการผลิตแบบนาโนเทคโนโลยี โดยพัฒนาระบบนำส่งสารออกฤทธิ์ที่สำคัญให้มีอนุภาคขนาดเล็กมากในระดับนาโน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าสู่ตัวแมลงศัตรูพืชเป้าหมาย และกระจายตัวเข้าสู่ในใบพืชได้ดียิ่งขึ้น สามารถออกฤทธิ์ในการควบคุมหนอนใยผักที่เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่ทำความเสียหายกับคะน้าและพืชตระกูลกะหล่ำ กลุ่มที่ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชได้แก่ เชื้อแบคทีเรียบีเอส ใช้ควบคุมโรคแอนแทรคโนส ในพริก มะม่วง โรคใบจุดพืชตระกูลกะหล่ำ และโรคเหี่ยว เชื้อราไตรโคเดอร์มา ใช้ควบคุมโรคตายพรายของกล้วย   และเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี ใช้ควบคุมไส้เดือนฝอยรากปมในแหล่งปลูกพริก มันฝรั่ง และฝรั่ง


นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังมีงานวิจัยปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทู สำหรับข้าว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร  จากการวิจัยในแปลงเกษตรกรพบว่าการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทูร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตราแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดิน และใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 15 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลงได้ 771 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 52.2 เมื่อเทียบกับวิธีเกษตรกร โดยให้ผลผลิตข้าวไม่แตกต่างกัน ซึ่งลดต้นทุนค่าปุ๋ยได้ 547 บาท และค่าเมล็ดพันธุ์ได้ 187 บาท ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนขอเข้ารับการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และขอรับสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือกรมวิชาการเกษตรในการผลิต จำนวน 13 บริษัท รวม 23 สัญญา

สำหรับสารไกลโฟเซตซึ่งเกษตรกรยังมีความจำเป็นต้องใช้ตามมาตรการจำกัดการใช้ กับพืช 6 ชนิด ได้แก่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล และยางพารา กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำแผนการออกใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต ในปี 2565 และ ปี 2566 โดยตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 – ปัจจุบัน ได้ออกใบอนุญาตนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซต จํานวน 23,044.70 ตัน จากข้อมูลการนำเข้าไกลโฟเซตจนถึง วันที่ 30 กันยายน 2565 พบว่า ผู้ประกอบการมีการนําเข้าวัตถุอันตรายไกลโฟเซตแล้ว จํานวน 17,785.92 ตัน ยังไม่ได้นำเข้าประมาณ 5,258.78 ตัน ในปี 2566 มีการจัดทำแผนการอนุญาตให้นำเข้าไกลโฟเซตตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 29,333.64 ตัน

ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้เผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการจัดการวัชพืช การใช้แรงงานและการใช้เครื่องจักรกล  และการใช้หลายวิธีผสมกัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการศัตรูพืชเฉลี่ยต่อไร่ของแต่ละวิธี  เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรใช้เป็นวิธีการจัดการวัชพืชได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้  ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม เป็นทางเลือกให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ลดปัญหาสารพิษตกค้างในผลผลิตเกษตรและสิ่งแวดล้อม  เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตรวจสอบบ้านลักลอบทำประทัดไล่นก บึ้มกลางชุมชน

สุพรรณบุรี 31 ก.ค. – จากเหตุบ้านที่ลักลอบทำประทัดไล่นก เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต วันนี้ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ยืนยันว่าที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นที่ลักลอบทำ ที่น่าตกใจคือหลังเกิดเหตุชาวบ้านโดยรอบบอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านดังกล่าวลักลอบทำประทัดไล่นก จี้หน่วยงานตรวจสอบ กลัวว่าอาจจะมีบ้านที่ลักลอบทำอีก.-สำนักข่าวไทย

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]