วันสถาปนากรมวิชาการเกษตรครบรอบ 50 ปี

กรุงเทพฯ 3 ต.ค.- กรมวิชาการเกษตรจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 50 ปี “รมช.มนัญญา” ชื่นชมผลงานที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรและมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทย อธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงนาม MOU กับ 2 หน่วยงาน ด้านการวิจัยและพัฒนากัญชง กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และก๊าซลดก๊าซเรือนกระจก


วันนี้เป็นวันคล้ายวันสถานปนาของกรมวิชาการเกษตร ครบรอบ 50 ปี โดยผู้บริหารและข้าราชการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหน้าตึกกสิกรรม กรมวิชาการเกษตร แขวงจตุจักร จากนั้นพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระสงฆ์ 9 รูปและถวายภัตตาหาร

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อ่านสารแสดงความยินดีในโอกาสกรมวิชาการเกษตรครบรอบ 50 ปี โดยระบุว่า กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2515 ช่วง 50 ปีที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีต่างๆ มากมายที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร รวมทั้งแก้ปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชระบาดทำความเสียหายให้กับผลผลิตพืช ควบคุมดูแลคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรทั้งส่งออกและนำเข้า ตลอดจนขับเคลื่อนงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 250 โครงการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 


สำหรับนโยบายในการดำเนินงานจากนี้ไป ให้สานต่อการขับเคลื่อนนโยบายตลาดนำการผลิต โดยการใช้ระบบการตลาดนำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำ รวมถึงการแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าผลไม้ไปต่างประเทศจนทำให้ประเทศไทย จากที่ไทยสามารถรักษาแชมป์การส่งออกอันดับ 1 ในตลาดประเทศจีนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อพัฒนาผลผลิตพืชให้มีคุณภาพและปลอดภัย ทั้งเกษตรอินทรีย์และมาตรฐาน GAP ที่จะทำให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าได้ในราคาสูงขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคได้บริโภคอาหารปลอดภัย โดยจะนำเสนอต่อรัฐบาลให้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินแปลงเพื่อขอรับมาตรฐาน GAP เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร

จากนั้นนางสาวมนัญญาเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับ 2 หน่วยงาน ได้แก่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการประเมินคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตร ตามนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ  เศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว BCG (Bio-Circular-Green Economy) ให้เป็นกลไกที่สำคัญของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะนำไปสู่การพัฒนา ระบบการปลูกพืชและการผลิตสินค้าเกษตร และการจัดระเบียบวิธีในการประเมินโครงการในการที่จะเข้าร่วมประเมินคาร์บอนเครดิต และพัฒนางานวิจัยด้านการเก็บข้อมูลคาร์บอนเครดิตร่วมกันได้อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด CDM (Clean Development Mechanism)  การใช้คาร์บอนฟุตปริ้นท์ (Carbon Footprint) ที่เป็นประเด็นสำคัญในการส่งออกสินค้าเข้าสู่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป

ต่อมาอธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงนามกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการร่วมกันวิจัย พัฒนา และทดสอบสายพันธุ์กัญชา สายพันธุ์ “เพชรชมพู 1-5” ซึ่งกัญชาทั้ง 5 สายพันธุ์มีลักษณะดี ปริมาณสารสำคัญ THC เด่น ทำให้ง่ายต่อการสกัดและการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก การควบคุมป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วยชีวภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับใช้ทางการแพทย์ โดยจะทดลองในสัตว์และมนุษย์ต่อไป ซึ่งทางศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ มีความเชี่ยวชาญเรื่องยาเสพติด เป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และเพื่อก้าวเป็นผู้นำความเป็นเลิศทางวิชาการของเอเชีย อันจะสามารถยกระดับการพัฒนาวิจัยพืชกัญชา กัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้ให้กับประชาชนทุกระดับ ทั้งเกษตรกร ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจทุกประเภทเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและรายได้ให้แก่ประเทศต่อไป


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรดำเนินงานตอบสนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

ในงานวันคล้ายวันสถาปนานี้ กรมวิชาการเกษตรได้นำผลงานวิจัยส่วนหนึ่งที่นำไปใช้แก้ปัญหาให้เกษตรกรและพัฒนาการผลิตภาคการเกษตรมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการ ได้แก่

– การพัฒนาและขยายผลปุ๋ยชีวภาพและชีวภัณฑ์เพื่อการผลิตพืชอินทรีย์อย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฉะเชิงเทราได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  

– การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพจากหอมแดง งานวิจัยนี้ได้สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากหอมแดง นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หอมแดง พร้อมทั้งขยายผลเทคโนโลยีให้แก่กลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกหอมแดงในจังหวัดศรีสะเกษ และกลุ่มวิสาหกิจการเกษตรศรีสะเกษแฟร์เทรด วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นการขยายตลาดการค้าของผลิตภัณฑ์จากหอมแดง

– การเพิ่มประสิทธิภาพตรวจสอบและรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับลำไยสดส่งออกไปจีน ภายใต้ พ.ร.บ.กักพืช กรมวิชาการเกษตรได้รับการแจ้งเตือนจากจีนกรณีการปนเปื้อนของแมลงศัตรูพืชที่ติดไปกับลำไยส่งออกจึงได้จัดทำมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการปนเปื้อนของแมลงศัตรูพืช ณ โรงคัดบรรจุ โดยแบ่งการจัดการเป็น2 ส่วน คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบการ ผลจากการดำเนินการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและรับรองสุขอนามัยพืชลำไยสดส่งออกไปจีน ทำให้จีนยอมรับในมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกลำไยผลสดไปจีนได้ต่อไป

– ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 กรมวิชาการเกษตรได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์ถั่วเขียวให้มีผลผลิตสูง คุณภาพดีเหมาะสำหรับการแปรรูป จนได้ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 ให้ผลผลิตสูง  232 กิโลกรัมต่อไร่ ขนาดเมล็ดใหญ่ เหมาะสำหรับการเพาะถั่วงอก เกษตรกรนำไปปลูกในพื้นที่รวม 83,700 ไร่ ได้ผลผลิตถั่วเขียว 11,878 ตัน สร้างรายได้ รวมมูลค่า 297 ล้านบาท ส่งผลให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองและเสริมสร้างระบบการผลิตที่ยั่งยืน

– การพัฒนาเครื่องพ่นสารป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดแบบอุโมงค์ลม เนื่องจากเกิดปัญหาหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดระบาดมากกว่า 500,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 3,400 ล้านบาท กรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาเครื่องพ่นสารแบบอุโมงค์ลมที่ใช้แรงลมความเร็วสูงช่วยทำให้ละอองสารตกสู่เป้าหมาย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด และประหยัดสารควบคุมศัตรูพืชได้มากกว่า 20% ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– ชีวภัณฑ์เห็ดเรืองแสงสิรินรัศมีควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม  กรมวิชาการเกษตร ได้ศึกษาวิจัยพบเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมีมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีผลต่อการตายของตัวอ่อนไส้เดือนฝอยรากปม ซึ่งเป็นระยะสำคัญที่ก่อให้พืชเป็นโรครากปม นอกจากนี้ในเส้นใยของเห็ดเรืองแสงยังมีสารออกฤทธิ์อื่นๆ สามารถใช้ควบคุมโรครากปมที่มีสาเหตุจากไส้เดือนฝอยรากปมที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับพืช เช่น ฝรั่ง พริก มะเขือเทศ มะละกอ กล้วย มันสำปะหลัง  และพืชในวงศ์ผักชี 

– แอปพลิเคชันวินิจฉัยโรคบนใบมันสำปะหลัง งานวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ มาเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์เชิงลึกร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัล  พัฒนาโมเดลการจำแนกโรคที่แสดงบนใบมันสำปะหลัง พร้อมจัดทำเป็นระบบและคำแนะนำที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างแพร่หลาย เป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้แก่เกษตรกร  ซึ่งการวินิจฉัยอาการจากโรคและแมลงศัตรูพืชต่างๆ ได้เบื้องต้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การปลูกมันสำปะหลังมีคุณภาพ 

– ผลิตภัณฑ์สารสกัดพืช สะเดา+หางไหล และว่านน้ำ+หางไหล นาโนเทคโนโลยี ป้องกันกำจัดแมลงในพืชตระกูลกะหล่ำ งานวิจัยนี้ได้นำสารสกัดจากพืชมาผสมรวมกันเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป สูตรผสมสะเดา+หางไหล และว่านน้ำ+หางไหล เพื่อเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช ร่วมกับการนำนาโนเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพิ่มประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของสารให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้น สนับสนุนนโยบายลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย  

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรยังได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรอีกมากตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา โดยได้ถ่ายทอดไปสู่เกษตรกรเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ก้าวไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย