วันสถาปนากรมวิชาการเกษตรครบรอบ 50 ปี

กรุงเทพฯ 3 ต.ค.- กรมวิชาการเกษตรจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 50 ปี “รมช.มนัญญา” ชื่นชมผลงานที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกรและมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรไทย อธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงนาม MOU กับ 2 หน่วยงาน ด้านการวิจัยและพัฒนากัญชง กัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และก๊าซลดก๊าซเรือนกระจก


วันนี้เป็นวันคล้ายวันสถานปนาของกรมวิชาการเกษตร ครบรอบ 50 ปี โดยผู้บริหารและข้าราชการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหน้าตึกกสิกรรม กรมวิชาการเกษตร แขวงจตุจักร จากนั้นพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระสงฆ์ 9 รูปและถวายภัตตาหาร

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อ่านสารแสดงความยินดีในโอกาสกรมวิชาการเกษตรครบรอบ 50 ปี โดยระบุว่า กรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2515 ช่วง 50 ปีที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรมีผลงานวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีต่างๆ มากมายที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร รวมทั้งแก้ปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชระบาดทำความเสียหายให้กับผลผลิตพืช ควบคุมดูแลคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรทั้งส่งออกและนำเข้า ตลอดจนขับเคลื่อนงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 250 โครงการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 


สำหรับนโยบายในการดำเนินงานจากนี้ไป ให้สานต่อการขับเคลื่อนนโยบายตลาดนำการผลิต โดยการใช้ระบบการตลาดนำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาตกต่ำ รวมถึงการแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าผลไม้ไปต่างประเทศจนทำให้ประเทศไทย จากที่ไทยสามารถรักษาแชมป์การส่งออกอันดับ 1 ในตลาดประเทศจีนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อพัฒนาผลผลิตพืชให้มีคุณภาพและปลอดภัย ทั้งเกษตรอินทรีย์และมาตรฐาน GAP ที่จะทำให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าได้ในราคาสูงขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคได้บริโภคอาหารปลอดภัย โดยจะนำเสนอต่อรัฐบาลให้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินแปลงเพื่อขอรับมาตรฐาน GAP เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร

จากนั้นนางสาวมนัญญาเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับ 2 หน่วยงาน ได้แก่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการประเมินคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตร ตามนโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ  เศรษฐกิจหมุนเวียนเศรษฐกิจสีเขียว BCG (Bio-Circular-Green Economy) ให้เป็นกลไกที่สำคัญของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะนำไปสู่การพัฒนา ระบบการปลูกพืชและการผลิตสินค้าเกษตร และการจัดระเบียบวิธีในการประเมินโครงการในการที่จะเข้าร่วมประเมินคาร์บอนเครดิต และพัฒนางานวิจัยด้านการเก็บข้อมูลคาร์บอนเครดิตร่วมกันได้อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือกระจกภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด CDM (Clean Development Mechanism)  การใช้คาร์บอนฟุตปริ้นท์ (Carbon Footprint) ที่เป็นประเด็นสำคัญในการส่งออกสินค้าเข้าสู่กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป

ต่อมาอธิบดีกรมวิชาการเกษตรลงนามกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการร่วมกันวิจัย พัฒนา และทดสอบสายพันธุ์กัญชา สายพันธุ์ “เพชรชมพู 1-5” ซึ่งกัญชาทั้ง 5 สายพันธุ์มีลักษณะดี ปริมาณสารสำคัญ THC เด่น ทำให้ง่ายต่อการสกัดและการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูก การควบคุมป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วยชีวภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับใช้ทางการแพทย์ โดยจะทดลองในสัตว์และมนุษย์ต่อไป ซึ่งทางศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ มีความเชี่ยวชาญเรื่องยาเสพติด เป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และเพื่อก้าวเป็นผู้นำความเป็นเลิศทางวิชาการของเอเชีย อันจะสามารถยกระดับการพัฒนาวิจัยพืชกัญชา กัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้ให้กับประชาชนทุกระดับ ทั้งเกษตรกร ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจทุกประเภทเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและรายได้ให้แก่ประเทศต่อไป


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรดำเนินงานตอบสนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีเป้าหมายให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

ในงานวันคล้ายวันสถาปนานี้ กรมวิชาการเกษตรได้นำผลงานวิจัยส่วนหนึ่งที่นำไปใช้แก้ปัญหาให้เกษตรกรและพัฒนาการผลิตภาคการเกษตรมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการ ได้แก่

– การพัฒนาและขยายผลปุ๋ยชีวภาพและชีวภัณฑ์เพื่อการผลิตพืชอินทรีย์อย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฉะเชิงเทราได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  

– การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพจากหอมแดง งานวิจัยนี้ได้สกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากหอมแดง นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หอมแดง พร้อมทั้งขยายผลเทคโนโลยีให้แก่กลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกหอมแดงในจังหวัดศรีสะเกษ และกลุ่มวิสาหกิจการเกษตรศรีสะเกษแฟร์เทรด วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นการขยายตลาดการค้าของผลิตภัณฑ์จากหอมแดง

– การเพิ่มประสิทธิภาพตรวจสอบและรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับลำไยสดส่งออกไปจีน ภายใต้ พ.ร.บ.กักพืช กรมวิชาการเกษตรได้รับการแจ้งเตือนจากจีนกรณีการปนเปื้อนของแมลงศัตรูพืชที่ติดไปกับลำไยส่งออกจึงได้จัดทำมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการปนเปื้อนของแมลงศัตรูพืช ณ โรงคัดบรรจุ โดยแบ่งการจัดการเป็น2 ส่วน คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบการ ผลจากการดำเนินการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและรับรองสุขอนามัยพืชลำไยสดส่งออกไปจีน ทำให้จีนยอมรับในมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกลำไยผลสดไปจีนได้ต่อไป

– ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 กรมวิชาการเกษตรได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์ถั่วเขียวให้มีผลผลิตสูง คุณภาพดีเหมาะสำหรับการแปรรูป จนได้ถั่วเขียวพันธุ์ชัยนาท 3 ให้ผลผลิตสูง  232 กิโลกรัมต่อไร่ ขนาดเมล็ดใหญ่ เหมาะสำหรับการเพาะถั่วงอก เกษตรกรนำไปปลูกในพื้นที่รวม 83,700 ไร่ ได้ผลผลิตถั่วเขียว 11,878 ตัน สร้างรายได้ รวมมูลค่า 297 ล้านบาท ส่งผลให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองและเสริมสร้างระบบการผลิตที่ยั่งยืน

– การพัฒนาเครื่องพ่นสารป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดแบบอุโมงค์ลม เนื่องจากเกิดปัญหาหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดระบาดมากกว่า 500,000 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 3,400 ล้านบาท กรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาเครื่องพ่นสารแบบอุโมงค์ลมที่ใช้แรงลมความเร็วสูงช่วยทำให้ละอองสารตกสู่เป้าหมาย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด และประหยัดสารควบคุมศัตรูพืชได้มากกว่า 20% ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– ชีวภัณฑ์เห็ดเรืองแสงสิรินรัศมีควบคุมไส้เดือนฝอยรากปม  กรมวิชาการเกษตร ได้ศึกษาวิจัยพบเห็ดเรืองแสงสิรินรัศมีมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีผลต่อการตายของตัวอ่อนไส้เดือนฝอยรากปม ซึ่งเป็นระยะสำคัญที่ก่อให้พืชเป็นโรครากปม นอกจากนี้ในเส้นใยของเห็ดเรืองแสงยังมีสารออกฤทธิ์อื่นๆ สามารถใช้ควบคุมโรครากปมที่มีสาเหตุจากไส้เดือนฝอยรากปมที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับพืช เช่น ฝรั่ง พริก มะเขือเทศ มะละกอ กล้วย มันสำปะหลัง  และพืชในวงศ์ผักชี 

– แอปพลิเคชันวินิจฉัยโรคบนใบมันสำปะหลัง งานวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ มาเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์เชิงลึกร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัล  พัฒนาโมเดลการจำแนกโรคที่แสดงบนใบมันสำปะหลัง พร้อมจัดทำเป็นระบบและคำแนะนำที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างแพร่หลาย เป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้แก่เกษตรกร  ซึ่งการวินิจฉัยอาการจากโรคและแมลงศัตรูพืชต่างๆ ได้เบื้องต้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การปลูกมันสำปะหลังมีคุณภาพ 

– ผลิตภัณฑ์สารสกัดพืช สะเดา+หางไหล และว่านน้ำ+หางไหล นาโนเทคโนโลยี ป้องกันกำจัดแมลงในพืชตระกูลกะหล่ำ งานวิจัยนี้ได้นำสารสกัดจากพืชมาผสมรวมกันเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป สูตรผสมสะเดา+หางไหล และว่านน้ำ+หางไหล เพื่อเป็นต้นแบบผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดศัตรูพืช ร่วมกับการนำนาโนเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพิ่มประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของสารให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้น สนับสนุนนโยบายลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย  

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรยังได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรอีกมากตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา โดยได้ถ่ายทอดไปสู่เกษตรกรเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ก้าวไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]