สำนักข่าวไทย 14 ส.ค. – “หมอยง” ชี้ “ลองโควิด” ไม่ได้เกิดกับทุกคน พบในผู้ป่วยอาการหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ นอนไอซียู แต่จากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความรู้สึก ทั้งนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีนักวิชาการ ออกมาระบุว่า “ลองโควิด” ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตมีปัญหา ว่า ไม่อยากให้คนเราไปวิตกกังวลกับเรื่องดังกล่าว ขณะนี้เชื่อว่าทั่วโลกการติดเชื้อโควิด-19 มีมากถึง 1,000 ล้านคนแล้ว ส่วนปัญหา “ลองโควิด” มีจริงไม่ใช่จะไม่มี แต่พบในคนที่ป่วยอาการหนัก, อยู่ในห้องไอซียู, ใส่ท่อช่วยหายใจ และคนที่ต้องนอนรพ.เป็นเดือน หรือคนที่มีโรคร่วมหลายโรค ซึ่งก็เป็นไม่นานอาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร รู้สึกเหนื่อยง่าย
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ในยุคของเดลตา มีภาวะ “ลองโควิด” มากกว่า แต่ในยุคของโอไมครอน ปัญหา “ลองโควิด” ลดลงครึ่งหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่อาการไม่ได้รุนแรงมาก การจะเป็น “ลองโควิด” หมายความว่า ต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการหนักและรุนแรง นอนไอซียู ใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าหาก “ลองโควิด” กระทบต่อคุณภาพชีวิตคนจำนวนมากจริง อย่างนี้คนทั่วโลก หรือ แม้แต่ในสหรัฐที่ป่วยจำนวนมาก 70% ก็ต้องได้รับผลกระทบกันทุกคน สถานการณ์การติดเชื้อวันนี้ เชื่อว่าทั่วโลกมีการติดเชื้อกันจำนวนมาก และแม้แต่ไทยเองก็มีคนป่วยติดเชื้อมากกว่าที่รายงาน ที่เก็บเฉพาะผู้ป่วยในรพ. จึงคาดว่าไทยเองก็มีคนที่ติดเชื้อจำนวนมากแล้ว ให้ลองสังเกตรอบตัวเองจะพบว่าส่วนใหญ่ป่วยติดเชื้อโควิดกันไปแล้ว พบในกลุ่มวัยทำงานและเด็กวัยเรียน
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข ลดระดับโควิด เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง จากเดิมเป็นโรคติดต่ออันตราย เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมตามสถานการณ์ เพราะว่าโรคติดต่ออันตรายหมายความว่าป่วย ติดเชื้อ ต้องมีการแจ้งหน่วยงานทางการให้รับทราบและดำเนินการเข้ามาควบคุมโรค โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งการลดระดับนี้มีผลในเชิงกฎหมาย เพราะหากไม่ปรับลดก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนโควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ก็เหมือนกับ 55 โรค ที่มีทั้งไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก ที่มีผู้ป่วยติดจำนวนมาก ไม่สามารถกวาดล้างได้ แต่เราก็อยู่กับโรคได้ โดยโรคก็ค่อยๆ ลดความรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตโควิดก็จะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ และคนเราก็ต้องใช้ชีวิตตามปกติ .-สำนักข่าวไทย