กรุงเทพฯ 2 ส.ค.-ซินโครตรอนร่วม สวพส. วิจัยคุณค่าโภชนาการ “ข้าวดอย” ลงลึกถึงระดับโมเลกุล พบสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างการในปริมาณสูง โดยมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสายพันธุ์อื่นกว่า 20 เท่า เตรียมยกระดับ “ข้าวดอย” สู่ Super Food
คณะนักวิทยาศาสตร์สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน นำโดย ดร.สมชาย ตันชรากรณ์ ดร.วราภรณ์ ตัณฑนุช ดร.นิชาดาเจียรนัยกูร และ ดร.รัชฎาภรณ์ ทรัพย์เรืองเนตร ร่วมกับ ดร.จันทร์จิรา รุ่งเจริญ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงคัดเลือกข้าวดอย 20 สายพันธุ์ เพื่อศึกษาวิจัยด้วยเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนในการจำแนก จัดกลุ่ม และค้นหาสายพันธุ์ที่เป็น SUPER FOOD โดยสามารถจำแนกและจัดกลุ่มข้าวดอยด้วยองค์ประกอบทางชีวเคมีและโครงสร้างโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของข้าว
ดร.สมชาย กล่าวว่า การใช้แสงซินโครตรอนในการวัดตัวอย่างข้าวนั้น สามารถวัดได้โดยตรง ไม่ต้องใช้สารเคมีสกัดสารสำคัญออกจากเมล็ดข้าว จึงช่วยลดความผิดพลาดจากการเตรียมตัวอย่างและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดกลุ่มข้าวให้มีความถูกต้องชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมที่การจัดกลุ่มข้าวอาศัยคุณลักษณะทางกายภาพเป็นหลัก
“ข้าวดอย” เป็นข้าวที่ปลูกตามชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ บนพื้นที่สูงของประเทศไทย โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงระบุว่า มีข้าวดอยมากกว่า 300 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็มีรูปร่างลักษณะของเมล็ด เนื้อสัมผัสและมีรสชาติที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นกลุ่มชาติพันธุ์ยังเรียก “ข้าว” แตกต่างกัน เช่น ชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเรียกข้าวว่า“บือ” ชาติพันธุ์ละว้าข้าวเรียกว่า “เฮงาะ” ชาติพันธุ์ม้งเรียกข้าวว่า “เบล้” ชาติพันธุ์ลีซอเรียกข้าวว่า “จะ” หรือ “จา” และชาติพันธุ์อาข่าเรียกว่า “แชะ” เป็นต้น
จากการวิเคราะห์ด้วยแสงซินโครตรอนพบว่า ข้าวดอยอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีไฟโตนิวเทรียนต์ที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังพบว่า ข้าวดอยบางสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เบล้เจ่าของชาติพันธุ์ม้ง จาคูเนเนของชาติพันธุ์ลีซอ และมอคก๊อคของชาติพันธุ์ละว้า มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวปริมาณสูงกว่าสายพันธุ์อื่น ซึ่งมีรายงานว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดต่างๆ สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือดได้ เป็นต้น
ส่วนข้าวสายพันธุ์แชะโกว้ของชาติพันธุ์อาข่า ข้าวสายพันธุ์เบล้เจ่าและข้าวสายพันธุ์บือหมื่อโพของชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีปริมาณธาตุเหล็กและสังกะสีในปริมาณสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่ทำการศึกษาพร้อมกัน โดยธาตุเหล็กและสังกะสีที่พบอยู่ในรูปองค์ประกอบอินทรีย์ จึงสามารถดูดซึมง่ายและร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การตรวจพบที่สำคัญพบว่า ข้าวดอยสายพันธุ์จานูเนเน และสายพันธุ์จาคูเนเน และข้าวดอยอีกสายพันธุ์ที่มีเมล็ดข้าวสีแดงแต่ไม่สามารถระบุชื่อพันธุ์ได้นั้น มีปริมาณ “ฟีนอลิก” และ “ฟลาโวนอยด์” สูงที่สุด ซึ่งมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถึง 5 เท่าและตรวจพบฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ กว่า 20 เท่า
ดร.จันทร์จิรา กล่าวว่า งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเบื้องต้น ยังมีข้าวดอยอีกหลายร้อยสายพันธุ์ที่ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยผลที่ได้จะนำไปสู่ฐานข้อมูลความหลากหลายของพันธุกรรมข้าวดอยที่มีปลูกบนพื้นที่สูงของประเทศไทย เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการคัดเลือกสายพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับการส่งเสริมให้แก่ผู้บริโภค เป็นอาหารที่เรียกว่า “SUPER FOOD” ต่อไปในอนาคต และเป็นการขยายโอกาสในเชิงพาณิชย์ให้แก่ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์สร้างรายได้อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม.-สำนักข่าวไทย